กระทรวงพาณิชย์เปิดเส้นทางการค้าไทยจีนกับมหกรรมคาราวานสินค้าไทยสู่ตลาดจีน หวังกระตุ้นเม็ดเงินเข้าประเทศคาดยอดรายได้ขยายตัวกว่าร้อยละ 25

พฤหัส ๒๔ กันยายน ๒๐๐๙ ๑๕:๓๑
กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ จัดโครงการมหกรรมคาราวานสินค้าไทยสู่ตลาดจีน ณ เมืองสิบสองปันนา (จิงหง) มณฑลยูนาน กับการขบวนคาราวานสินค้ากว่า 15 รถคอนเทอร์เนอร์ที่จะทำการบรรทุกสินค้าจากประเทศไทยเดินทางไปเปิดตลาดในประเทศจีน ซึ่งถือเป็นการเปิดเส้นทางการค้าเสรีอย่างเป็นทางการกับเส้นทาง R3A ประตูการค้าชายแดนที่เชื่อมต่อการค้าระดับอาเซียนระหว่างไทย ลาว พม่า จีน โดยที่ผ่านมามูลค้าทางการค้าชายแดนระหว่างไทยจีนมียอดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 8,200 ล้านบาท และการเปิดเส้นทางการค้าเสรีในครั้งนี้คาดว่าจะทำให้ตลาดทางการค้าชายแดนเติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 25 อย่างแน่นอน

นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าประเทศไทย และประเทศจีนถือเป็นคู่ค้าที่สำคัญในการส่งออกในสินค้าประเภทต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก โดยในปีที่ผ่านมูลค้าทางการในตลาดรวมระหว่างไทย-จีนมีมูลค่าสูงถึง 36,347 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือว่าขยายตัวกว่าร้อยละ 19 จากปีก่อนหน้านี้ ซึ่งในปีนี้ทางกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ได้วางโครงการเพื่อเร่งการเติบโตของโครงสร้างเศรษฐกิจในประเทศ นำเข้าเม็ดเงินจากการส่งออก เพื่อบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ที่จะเพิ่มยอดมูลค่าทางการค้าในปี 2553 ให้อยู่ที่ 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยหนึ่งในโครงการต่าง ๆ นั้นคือโครงการ Made In Thailand Exhibition 2009 มหกรรมคาราวานสินค้าไทยสู่ตลาดจีน กับการเปิดประตูการค้าชายแดนระหว่างไทยและจีนทางตอนใต้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดการค้าชายแดนที่มีศักยภาพในการส่งออกของประเทศอีกจุดหนึ่ง โดยกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์คาดหวังว่าการเปิดเส้นทางการค้ากับขบวนคาราวานในครั้งนี้จะเป็นการนำร่องตลาดส่งออกชายแดนทางการเดินรถ ซึ่งจะทำให้ยอดการส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 25 จาก 8,200 ล้านบาทกับการค้าชายแดนเมื่อปีที่ผ่านมา

นางพรทิวา กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความสำคัญในด้านการคมนาคมขนส่งทางบกไปจีนตามแนว North — South Economic Corridor หรือ R3A เป็นอย่างมาก ซึ่งถือเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญของประเทศ สะดวก ง่าย รวดเร็วต่อการเดินทางขนถ่ายสินค้า โดยจะเดินทางผ่านสาธารณรัฐประธิปไตยประชาชนลาวเข้าสู่ประตูหน้าด่านทางการค้าสิบสองปันนา (จิงหง) สู่คุนหมิงและเมืองต่าง ๆ ในประเทศจีน ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นการเปิดเส้นทางการค้าเท่านั้น ในอนาคตเส้นทางดังกล่าวยังจะเป็นประตูในการนำเข้าเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวระหว่างไทย-จีน และยังรวมถึงภาคการศึกษาที่จะง่ายขึ้นในการแลกเปลี่ยนภาษา ความรู้ ขนบธรรมเนียบ วัฒนธรรม ซึ่งจะเป็นจุดหนึ่งที่จะสามารถกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้เป็นอย่างดี

การจัดคาราวานสินค้าไทยในครั้งนี้ถือเป็นความพยายามของกระทรวงพาณิชย์ในการส่งเสริมการค้า และส่งออกในรูปแบบใหม่ๆ ให้กับผู้ประกอบการ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของกลุ่ม SME ไทยในการส่งออก กอปรกับยังเป็นแผนในด้านการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันในกลุ่ม GMS ตลอดจนการใช้ประโยชน์จากเขตการค้าเสรีอาเซียน — จีน อีกด้วย

นางพรทิวา กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า งาน Made In Thailand Exhibition 2009 มหกรรมคาราวานสินค้าไทยสู่ตลาดจีน ได้มีผู้ประกอบการที่มีความพร้อมในการทำการค้าในประเทศจีนรวมทั้งสิ้นจำนวน กว่า 200 ราย เพื่อนำสินค้าเข้าไปเปิดตลาดในเมืองสิบสองปันนา โดยจะทำการจัดแบ่งหมวดของประเภทธุรกิจดังนี้

- ธุรกิจกลุ่มสินค้าอาหาร / เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์แปรรูปอาหารประเภทต่างๆ

- ธุรกิจเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอ

- ธุรกิจยา สมุนไพร และเวชภัณฑ์

- ธุรกิจความงามและสุขภาพ เช่น สปา นวด เครื่องสำอางค์

- ธุรกิจเครื่องประดับ / สินค้าแฟชั่น

- สินค้าของขวัญ ของตกแต่งบ้าน

- สินค้าหัตถกรรม

- สินค้าเกษตรกรรม เช่น ผลไม้ไทย ข้าวไทย

“มหกรรมคาราวานสินค้าไทยสู่ตลาดจีนจะทำการปล่อยขบวนอย่างยิ่งใหญ่พร้อมกันทั้ง 15 รถคอนเทอร์เนอร์ ณ อิมแพคเมืองทองธานี ในวันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน 2552 เพื่อเดินทางสู่ชายแดนจังหวัดเชียงราย อำเภอเชียงของ เข้าสู่สาธารณรัฐประชาชนลาว และสิบสองปันนา โดยงานมหกรรมคาราวานสินค้าไทยสู่ตลาดจีนจะมีขึ้นในวันที่ 1 — 5 ตุลาคม 2552 ณ เมืองสิบสองปันนา มณฑลยูนาน ประเทศจีน ซึ่งตรงกับวันเฉลิมฉลองวันชาติจีน โดยงานนี้นอกจากการไปเปิดตลาดในประเทศจีนแล้ว ยังได้นำการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยมากมายไปโชว์ในการจัดงานครั้งนี้ด้วย ดังนั้นการงาน Made In Thailand Exhibition 2009 มหกรรมคาราวานสินค้าไทยสู่ตลาดจีน ถือเป็นการผลักดันให้ผู้ผลิต ผู้ส่งออก ผู้ประกอบการได้ขยายตลาด เผยแพร่สินค้าไทยในการเปิดตลาดจีน ได้ศึกษาลู่ทางการค้า และแนะนำวัฒนาธรรมไทยสู่ประเทศจีนด้วย” นางพรทิวา กล่าวสรุป

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

สำนักพัฒนาการตลาดต่างประเทศ

กลุ่มงานกิจกรรม โทร. 02-5120093 ต่อ 463, 512 หรือ

นายจตุพล ศิริเดช

บริษัท เจพี วัน คอนซัลแทนท์ จำกัด

โทร 02-939-3981

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ