สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ จัดสัมมนา กรีนโซไซตี้ หนุนผลิตเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม

จันทร์ ๐๕ ตุลาคม ๒๐๐๙ ๑๓:๓๖
สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ดึงผู้เชี่ยวชาญร่วมประชุมวิชาการนานาชาติ “อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อาเซียนใส่ใจสิ่งแวดล้อม 2009” หรือ “Asian Electrical and Electronic Green Society International Conference 2009” มุ่งเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ แนะผู้ประกอบการเร่งปรับตัวเตรียมพร้อมรับมือกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม

นายจารึก เฮงรัศมี ผู้อำนวยการสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไทย กล่าวว่า อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เป็นอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูง ผู้ประกอบการไทยจึงจำเป็นต้องเร่งปรับตัวเพื่อให้ทันกับกระแสความต้องการของตลาดโลก โดยเฉพาะในเรื่องสิ่งแวดล้อมซึ่งปัจจุบันมีมาตรการและกฎระเบียบในตลาดโลกที่เคร่งครัด เช่น มาตรฐาน IPP (Integrated Product Policy) ของสหภาพยุโรป ซึ่งควบคุมมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ครบวงจร นับตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตและออกแบบ การใช้งาน และการกำจัดซากวัสดุ

ทางสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์จึงได้สนับสนุนให้จัดการประชุมวิชาการนานาชาติ หัวข้อ “อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อาเซียนใส่ใจสิ่งแวดล้อม 2009” หรือ “Asian Electrical and Electronic Green Society International Conference 2009” ขึ้น เนื่องในโอกาสพิเศษเพื่อฉลองวาระครบรอบ 10 ปีสถาบันฯ และถือเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมไฮไลท์ภายใน “งานแสดงสินค้าเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น 2552” (Bangkok RHVAC 2009) และ “งานแสดงสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 2552” (Bangkok E&E 2009) โดยการสัมมนาจะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 7-9 ตุลาคมศกนี้ ที่ห้อง จูปิเตอร์ 8 -12 อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

นายจารึก กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุมในครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมนำเสนอและแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม ระบบการจัดการเทคโนโลยีและเครือข่ายระดับนานาชาติ รวมถึงมาตรการอุปสรรคทางการค้าต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรม ตลอดจนการหารือเพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับนานาประเทศในการผลิต กรีนโปรดักส์เพื่อมุ่งสู่ความเป็นสังคมกรีนโซไซตี้ รวมไปถึงการศึกษาดูงานระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และโรงงานรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ประสบความสำเร็จของไทย

“แม้ว่าประเทศไทยจะมีข้อได้เปรียบในเรื่องของคุณภาพสินค้าที่มีประสิทธิภาพสูง ทนทาน และการจัดส่งที่รวดเร็วตรงเวลา แต่ในภาวะที่ต้องเผชิญกับการแข่งขันในตลาดโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้น ผู้ประกอบการต้องหันมาให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้าที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง เพราะกำลังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง และจะมีส่วนสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดโลก ทำให้ผู้ซื้อทั่วโลกให้ความไว้วางใจในสินค้าไทย ซึ่งจะมีผลดีต่อภาคการส่งออกและยังสามารถดึงดูดเม็ดเงินนักลงทุนและผู้ผลิตต่างชาติได้ในระยะยาวต่อไป” นายจารึก กล่าว

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์

บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด

โทร. 0 2354 3588 อีเมล : [email protected]

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ