อันดับเครดิตของ TMB สะท้อนถึงเงินกองทุนของธนาคารที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างมากหลังจากการเพิ่มทุนของ ING Bank NV (ING อันดับเครดิตที่ ‘A+’/‘F1+’/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) ในเดือนธันวาคม 2550 แม้ว่าผลการดำเนินงานในปี 2552 ของธนาคารจะได้รับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างการดำเนินงานของธนาคารที่ยังไม่แล้วเสร็จและสภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ แต่ทั้งนี้คาดว่าผลการดำเนินงานของธนาคารมีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นในปี 2553 เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการที่ธนาคารจะกลับมาเน้นในด้านการขยายธุรกิจมากขึ้น อย่างไรก็ตามธนาคารยังมีความเสี่ยงในการดำเนินงาน เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอและธนาคารยังคงมีความเสี่ยงในด้านคุณภาพสินทรัพย์
TMB มีกำไรสุทธิเพียงเล็กน้อยที่ 0.8 พันล้านบาทในครึ่งปีแรกปี 2552 เนื่องจากรายได้ที่ลดลง จากการที่สินเชื่อของธนาคารยังคงลดลงอย่างมาก (ลดลง 13.7% จากสิ้นปี 2551) ประกอบกับการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและการด้อยค่าของทรัพย์สินรอการขาย ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 2.4% อย่างไรก็ตามคาดว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารจะปรับตัวสูงขึ้นในปี 2553 เนื่องจากการลดลงของสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้และการขยายตัวของสินเชื่อ
สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของ TMB ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องเป็น 60.2 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2552 จาก 70.6 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2551 เนื่องจากการขายสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จำนวน 15 พันล้านบาทในช่วงครึ่งปีแรกปี 2552 แต่ทั้งนี้สัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมของ TMB ยังคงอยู่ในระดับเดิมที่ประมาณ 16% ของสินเชื่อรวม เนื่องจากสินเชื่อของธนาคารที่ลดลง TMB มีสำรองหนี้สงสัยจะสูญและอัตราส่วนสำรองหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่ระดับ 35.9 พันล้านบาท และ 59.6% ตามลำดับ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2552 ทั้งนี้อัตราส่วนสำรองหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์อื่น ส่งผลให้ธนาคารมีความเสี่ยงในการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นในอนาคต แต่อย่างไรก็ตามคาดว่ารายได้ของธนาคารจะสามารถช่วยลดผลกระทบส่วนใหญ่จากการตั้งสำรองที่อาจเพิ่มขึ้น
อัตราส่วนสภาพคล่องและเงินกองทุนของธนาคารโดยรวมยังคงอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ แม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะมีความผันผวน เงินกองทุนชั้นที่ 1 และเงินกองทุนรวมของธนาคารปรับตัวแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก ตั้งแต่การเพิ่มทุนของธนาคารในเดือนธันวาคม 2550 โดยธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนอยู่ในระดับ 11% สำหรับเงินกองทุนชั้นที่ 1 และ 15% สำหรับเงินกองทุนรวม ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2552 ทั้งนี้ระดับเงินกองทุนดังกล่าวน่าจะสามารถรองรับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอได้ในระดับหนึ่ง และจะช่วยให้ธนาคารสามารถรองรับการตั้งสำรองเพิ่มเติมได้
TMB เป็นธนาคารพาณิชย์ใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ของประเทศไทย โดยมีสินทรัพย์รวม 568.7 พันล้านบาท ING เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุดในสัดส่วน 30% ผู้ถือหุ้นใหญ่รายอื่น ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง 26% และ DBS Bank ของสิงคโปร์ 7% ฟิทช์เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ระดับหนึ่งที่ธนาคารจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลหากมีความจำเป็น
ติดต่อ
พชร ศรายุทธ, Vincent Milton กรุงเทพฯ +662 655 4761/4759
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ใช้วัดความน่าเชื่อถือของบริษัทในประเทศที่อันดับเครดิตของประเทศนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตระดับเพื่อการลงทุน หรือมีอันดับเครดิตอยู่ในระดับต่ำแม้จะอยู่ในระดับเพื่อการลงทุน อันดับเครดิตของบริษัทที่ดีที่สุดของประเทศจะอยู่ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับบริษัทที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นถูกออกแบบมาเพื่อนักลงทุนภายในประเทศในแต่ละประเทศนั้นๆ และมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับแต่ละประเทศ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นไม่สามารถนำไปใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้
ข้อมูลเพิ่มเติมหาได้ที่ www.fitchratings.com
การใช้อันดับเครดิตที่จัดทำโดยฟิทช์เรทติ้งส์มีข้อจำกัดและขอบเขตการใช้ ซึ่งข้อจำกัดและขอบเขตของการใช้อันดับเครดิตดังกล่าวสามารถหาได้จาก HTTP://FITCHRATINGS.COM/UNDERSTANDINGCREDITRATINGS นอกจากนี้คำจำกัดความของอันดับเครดิตและการใช้อันดับเครดิตของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ สามารถหาได้จาก www.fitchratings.com อันดับเครดิตที่ประกาศ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดอันดับเครดิต ได้แสดงไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าวตลอดเวลา หลักจรรยาบรรณ การรักษาข้อมูลภายใน ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น แนวทางการเปิดเผยข้อมูลระหว่างบริษัทในเครือ กฎข้อบังคับรวมทั้งนโยบายและกระบวนการที่เกี่ยวข้องอื่นๆของฟิทช์ ได้แสดงไว้ในส่วน ‘หลักจรรยาบรรณ’ ในเว็บไซต์ดังกล่าวเช่นกัน ผู้ออกตราสารไม่ได้มีส่วนร่วมในกระบวนการจัดอันดับเครดิต นอกเหนือจากการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะของบริษัทเท่านั้น