ภาวะตลาดและแนวโน้มราคาทองคำแท่ง ประจำวันที่ 15 ต.ค.52 โดยวายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล

พฤหัส ๑๕ ตุลาคม ๒๐๐๙ ๑๑:๒๓
ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT)

- ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน — วันนี้ราคาทองคำมีแนวโน้มทรงตัวและอาจปิดบวกได้ หลังผลกำไรรายไตรมาสที่เพิ่มขึ้นของเจพีมอร์แกน เชส ได้หนุนความเชื่อมั่นตลาด และกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสกุลเงินและสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐยังคงอยู่ใกล้ 0% อีกนาน แต่ธนาคารกลางประเทศอื่นๆ เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ตามเศรษฐกิจที่กระเตื้องขึ้น ก็จะลดความน่าดึงดูดใจของดอลลาร์ต่อไป (ดูข่าวสารสำคัญเพื่อการลงทุนในหน้าถัดไป)

- กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT)

Source : Bisnews (Daily)

Source : Bisnews (30 Min)

- ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะสั้นเป็นขาขึ้น, MACD 30 นาทีเคลื่อนอยู่ในแดนลบทว่าได้ตัดเส้น Trigger จากด้านล่างทำให้ดูราคาเป็นบวก, MACDF 30 เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกทำให้ดูราคาเป็นบวก, Fast Stochastic เคลื่อนตัวขึ้น ทำให้ราคามีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้น, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 64.67 ถือเป็นระดับ Neutral และทำให้ดูว่าตลาดระยะสั้นยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็น Bull, แนวรับแนวต้านของวันอยู่ที่ $1,055 - $1,070 ค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ระดับ ฿33.21 - ฿33.47

- ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะกลางเป็นขาขึ้น, RSI อยู่ที่ระดับ 78.47 ถือเป็นระดับ overbought และทำให้ดูว่าราคามีโอกาสปรับตัวลง, MACD เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกและได้ตัดเส้น Signal จากด้านล่างทำให้ดูราคาเป็นบวก, MACDFเคลื่อนอยู่ในแดนบวก ทำให้ดูทิศทางเป็นบวก, Fast-Stochastic เคลื่อนตัวอยู่เหนือเส้น Trigger และกำลังเคลื่อนตัวลงทำให้ ราคามีโอกาสจะกลับตัวลง ทิศทางตลาดระยะกลางเป็นตลาด Bull โดยจะใช้แนวต้านที่ $1,092 เป็นแนวต้านระยะกลางที่สำคัญ ส่วนแนวรับระดับกลางอยู่ที่ $1,020 และ $985 ตามลำดับ

ตาราง 3 : แนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ

Source: YLG’s estimations

พิจารณาตารางที่ 3 และกราฟด้านซ้ายมือ พบว่าราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด (เส้นสีแดง = 16,750 บาท) ซึ่งต่ำกว่าราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 16,890 หรือที่ $1,064.35) แสดงถึงราคาทองคำแท่ง ณ. หน้าร้านขายปลีก มีส่วนลดจากราคาในตลาดโลก อยู่ 140 บาท ขณะที่ราคาของ GFV09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 16,820 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาในตลาดโลกเท่ากับ 70 บาท ซึ่งเท่ากับว่า GFV09 มีส่วนลดน้อยกว่าที่ร้านค้าปลีก ดังนั้น การซื้อ (Long) ทองแท่งที่ร้านทองแล้วมาเปิดสถานะขาย (Short) GFV09 จะทำให้มีส่วนต่างของกำไรที่คาดหวัง อยู่ที่ 140-70 = 70 บาทต่อทองคำแท่ง 1 บาท ซึ่งยังคงไม่คุ้มค่ากับค่าคอมมิชชั่น (ประมาณ 120 บาทต่อ 1 บาททอง) และดอกเบี้ยอีกราว 15 บาท ในการหากำไรจากส่วนต่างราคาได้ในวันนี้

ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน

ปัจจัยบวก

- ผลประกอบการไตรมาส 3/09 ของสหรัฐ - เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โคเปิดเผยผลกำไรรายไตรมาสเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งหนุนความหวังว่าธนาคารรายใหญ่อื่นๆในตลาดหุ้นสหรัฐจะรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งเช่นกันในสัปดาห์นี้ โดยหุ้นเจพีมอร์แกนพุ่ง +3.3% และดัชนี S&P หุ้นกลุ่มการเงินพุ่ง +3.4%

- ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — เมื่อคืนนี้

1. กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยราคานำเข้าเพิ่มขึ้น +0.1% ในเดือนก.ย. น้อยกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าว่าราคานำเข้าจะเพิ่มขึ้น +0.2% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น +2.0% ในเดือนส.ค. หลังราคาปิโตรเลียมนำเข้าลดลง ซึ่งทำให้ราคานำเข้าโดยรวมต่ำกว่าคาดเล็กน้อย ส่วนราคาส่งออกลดลง -0.3% ในเดือนก.ย. สวนกับที่คาดไว้ว่าราคาส่งออกจะเพิ่มขึ้น +0.1% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น +0.7% ในเดือนส.ค.

2. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกลดลงน้อยกว่าคาด -1.5% ในเดือนก.ย.ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. หลังพุ่งขึ้น +2.2% ในเดือนส.ค.

3. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจลดลงเกินคาด -1.5% ในเดือนส.ค. ขณะที่ดีลเลอร์รถยนต์ปรับลดจำนวนสต็อกลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2001

4. API เผยตัวเลขปริมาณสำรองน้ำมันดิบลดลง -0.172 ล้านบาร์เรล สวนทางกับก่อนหน้าที่ตลาดคาดว่าอาจเพิ่มขึ้น +0.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินลดลง -2.7 ล้านบาร์เรลและปริมาณสำรองน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น +0.219 ล้านบาร์เรล

- ค่าเงินดอลลาร์ — ดอลลาร์ปิดอ่อนค่าลง +$0.0076 เมื่อเทียบเงินยูโร มาที่ $1.4932 จากที่ปิด $1.4856 เมื่อวันก่อนหน้า หลังผลประกอบการไตรมาส 3/09 ที่ออกมาดี + ตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใสและอัตราดอกเบี้ยสหรัฐยังคงอยู่ใกล้ 0% ได้กระตุ้นนัลงทุนให้ลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงเพิ่มขึ้น ส่วนเช้านี้ดอลลาร์อ่อนค่าลงอีก +$0.0007 มาที่ $1.4939

- ราคาน้ำมันดิบ — ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน พ.ย. พุ่งขึ้น +$1.03 มาที่ $75.18 ต่อบาร์เรล จากที่ปิด $74.15 ต่อบาร์เรลเมื่อวันก่อนหน้า หลังบริษัทชั้นนำได้รายงานว่ามีผลกำไรเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความหวังว่าอุปสงค์น้ำมันจะดีขึ้น + ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงอีก ขณะที่เช้านี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน พ.ย. ขยับขึ้นอีก +$0.67 มาอยู่ที่ $75.85 ต่อบาร์เรล หลัง API รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบร่วงลงเล็กน้อยราว -0.172 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดไว้ก่อนหน้าว่าจะเพิ่มขึ้นราว +0.7 ล้านบาร์เรล

- ค่าเงินบาท — ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง +8 สต. มาปิดที่ 33.34 บาท จากที่ปิด 33.26 บาทเมื่อวันก่อนหน้า หลังแกว่งตัวค่อนข้างมาก โดยแข็งค่าขึ้นไปช่วงเช้า ก่อนที่ในช่วงบ่ายจะอ่อนค่าลงมา จากการร่วงลงแรงของตลาดหุ้น โดยนักลงทุนต่างชาติได้ขายหุ้นออกมามากถึงเกือบ 4 พันล้านบาท ขณะที่เช้านี้เงินบาทอ่อนค่าลงอีก +3 สต. มาที่ 33.37 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 33.21 บาทและ 33.07 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 33.47 บาทและ 33.59 บาท

ปัจจัยลบ

- ตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐ — หลังจากที่ FED ได้ตั้งใจจะซื้อหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง (MBS) ของหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐ (agency) เป็นมูลค่าราว 1.25 ล้านล้านดอลลาร์ และซื้อตราสารหนี้ของ agency ราว 2 แสนล้านดอลลาร์ก่อนสิ้นเดือนมี.ค.2010 นายเฮนรี คอฟแมน นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง กล่าวว่า เมื่อ FED เริ่มต้นขาย (MBS) ที่ได้เข้าซื้อไว้ในช่วงที่เกิดวิกฤติการเงิน ก็จะส่งผลบวกต่ออัตราดอกเบี้ยในตลาดจำนอง ซึ่งสิ่งนี้จะสร้างความไม่พอใจให้กับรัฐบาลสหรัฐและอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัย

ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม

- ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — คืนนี้

1. กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย. เวลา 19.30 น. โดยผลสำรวจคาดว่าดัชนี CPI ทั่วไปจะเพิ่มขึ้น +0.1% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น +0.4% ในเดือนส.ค. และเมื่อเทียบเป็นรายปี ดัชนี CPI ทั่วไปจะลดลง -1.4% ในเดือนก.ย.ปีนี้ เทียบกับที่ลดลง -1.5% ในเดือนก.ย.ปีที่ผ่านมา ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานจะเพิ่มขึ้น +0.1% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น +0.1% ในเดือนส.ค. และเมื่อเทียบเป็นรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานจะเพิ่มขึ้น +1.4% ในเดือนก.ย.ปีนี้ เท่ากับที่เพิ่มขึ้น +1.4% ในเดือนก.ย.ปีที่ผ่านมา

2. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์คจะเปิดเผยผลสำรวจภาคการผลิต (Empire State Index) เดือนต.ค. เวลา 19.30 น.โดยผลสำรวจคาดว่า ดัชนีภาคการผลิตจะอยู่ที่ระดับ 17.50 ในเดือนต.ค. ลดลงจากระดับ 18.88 ในเดือนก.ย.

3. กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ เวลา 19.30 น. โดยผลสำรวจคาดว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 ต.ค.จะอยู่ที่ 5.20 แสนราย ลดลงจาก 5.21 แสนรายในสัปดาห์ก่อนหน้า

4. ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) สาขาฟิลาเดลเฟียจะเปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนต.ค. เวลา 21.00 น. โดยผลสำรวจคาดว่า ดัชนีแนวโน้มธุรกิจจะอยู่ที่ระดับ 12.5 ในเดือนต.ค. ลดลงจาก 14.1 ในเดือน ก.ย.

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) ของสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลปริมาณสำรองน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 9 ต.ค. เวลา 21.30 น. โดยผลสำรวจคาดว่า

5. ปริมาณสำรองน้ำมันดิบอาจเพิ่มขึ้น +0.7 ล้านบาร์เรล ส่วนปริมาณสำรองน้ำมันกลั่นอาจเพิ่มขึ้น +0.1 ล้านบาร์เรลและปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินอาจเพิ่มขึ้น +0.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่อัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจลดลง -0.3%

- ผลประกอบการไตรมาส 3/09 ของสหรัฐ — สัปดาห์นี้

1. โกลด์แมน แซคส์และไอบีเอ็มในวันนี้ 2. แบงก์ ออฟ อเมริกา และเจเนอรัล อิเล็กทริกในวันพรุ่งนี้

- กองทุนทองคำ — กองทุนทองคำ SPDR ได้รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 14 ต.ค.52 ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,109.31 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.78 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 35.66 ล้านออนซ์

ปฏิทินการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ

Source : Bloomberg

ข้อมูลจาก YLG ศูนย์รับซื้อ-ขายทองคำแท่ง มาตรฐาน LBMA 653/14 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ (ปากซอย 9) แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 Tel: 0-2287-1155, 0-2677-5520 Fax: 0-2677-5512 www.ylgbullion.com

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO