"ตระกูลจิตร จิตตไสยะพันธ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.ธนชาต สรุปภาพรวมของสถานการณ์โดยรวมในปัจจุบันว่า เศรษฐกิจโลกผ่านจุดเลวร้ายที่สุดแล้ว แต่คาดว่าจะฟื้นตัวอย่างช้า ๆ และอาจใช้เวลา และจะไม่ได้มีภาพการเติบโตอย่างรวดเร็วเหมือนเศรษฐกิจขาขึ้นในรอบที่แล้ว
ภาพที่คาดว่าจะได้เห็น คือ ไตรมาส 3-4 ปีนี้ เศรษฐกิจจะกระเตื้องขึ้นเร็วจากผลของมาตรการภาครัฐฯ ของประเทศต่าง ๆ เม็ดเงินมหาศาลที่อันฉีดเข้าสู่ระบบพร้อม ๆ กันทั่วโลก ช่วยชะลอการว่างงานและพยุงสภาพเศรษฐกิจไว้ได้ระดับหนึ่ง ประกอบกับ stock สินค้าเริ่มลดลงมากในไตรมาส 1-2 ที่ผู้ประกอบพร้อมใจกันลดกำลังการผลิตลง
"หลังจากนั้น คือ ในปีหน้าความเร็วของการฟื้นตัวน่าจะแผ่วลง เพราะปัญหาของแต่ละประเทศของวิกฤติครั้งนี้ยังมีมากมายที่ต้องแก้ไข ข่าวดี คือ คาดว่ารัฐบาลประเทศต่างๆ จะยังคงมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และใช้อัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง เอกชนก็คงยังมีโอกาสยืนฟื้นตัว เพราะต้นทุนดอกเบี้ยยังน่าจะต่ำ"
ความยั่งยืนของการฟื้นตัวอาจยังมีความไม่แน่นอนสูง แม้จะคาดกันว่ารัฐบาลประเทศต่างๆ จะยังคงมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง แต่ปริมาณเงินมหาศาลที่ถูกอัดเข้าพยุงและกระตุ้นเศรษฐกิจพร้อม ๆ กันภายใน 1-2 ปี เป็นประเด็นที่ทำให้หลายฝ่ายห่วงว่า ความเสี่ยงที่จะเกิดเงินเฟ้อจะเป็นอย่างไร
"แต่ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อนี้ ยังไม่ใช่ปัญหาที่เราจะเจอเร็ว ๆ นี้ อาจจะพอคาดกันได้ว่าตั้งแต่ปี 2010 ปีหน้าเป็นต้นไป เราคงจะเริ่มเห็นอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น แต่จะมากจะน้อยด้วยอัตราเท่าไร จะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ หลังจากนั้นคงต้องดูกันต่อไป"
ถ้าเศรษฐกิจโลกฟื้น ใครจะฟื้นก่อนกันนั้น ตระกูลจิตร กล่าวว่า "จากสภาพที่เห็น เศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาจะขยายตัวดีกว่าประเทศพัฒนาแล้ว ประเทศเอเชียโดยเฉพาะจีนน่าจะนำการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก"
"บุญชัย เกียรติธนาวิทย์" กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า วิกฤติเศรษฐกิจทำให้เงินลงทุนของโลกเทขายหุ้นและตราสารอื่นๆ ในตลาดทั่วโลก และนำเงินไปลงทุนในสิ่งที่ตนคิดว่าปลอดภัย ซึ่งวิกฤติรอบนี้ เงินไหลไปลงทุนในพันธบัตรสหรัฐ จนมีบางช่วงให้ผลตอบแทนเข้าใกล้ 0 แม้ได้ผลตอบแทนต่ำมาก ผู้ลงทุนก็ยังลงทุนเพราะคิดว่าปลอดภัยไว้ก่อน กลับเข้าไปหาเงินสกุลหลักของโลกคือดอลลาร์ จนแข็งค่าเกินปัจจัยพื้นฐาน
ดังนั้น ในแง่ของการบริหารเงินลงทุนนั้น บุญชัยมองว่า หากเรามองตามความเป็นจริง การลงทุนตอนนี้ ไม่มีอะไรที่บอกได้อย่างฟันธงว่าทั้งปลอดภัยและได้ผลตอบแทนพอใจ เพราะทางเลือกที่สบายใจตอนนี้ ผลตอบแทนก็ต่ำมาก
"หากยังคงลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยมากๆ แต่ผลตอบแทนต่ำต่อไป ความไม่แน่นอนในอนาคต คือ หากเงินเฟ้อเริ่มปรับตัวสูงขึ้น สินทรัพย์ที่มั่นคงปลอดภัย มีแนวโน้มด้อยค่าจากเงินเฟ้อ แต่มาถึงวันนี้ หากผู้ลงทุนมีมุมมองเศรษฐกิจตามที่กล่าวแล้ว เราพอมีทางเลือก สามารถพิจารณาลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงขึ้น เพื่อโอกาสที่จะชดเชยเงินเฟ้อได้ และจากสภาพที่ผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยมากๆ อยู่ในระดับต่ำ หากมองอีกมุมหนึ่งการผ่องถ่ายการลงทุนบางส่วนมาจากสินทรัพย์ปลอดภัยจึงมีต้นทุนค่าเสียโอกาสในช่วงนี้ค่อนข้างต่ำ เพื่อแสวงหาช่องทางอื่นๆ ที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น แต่มีโอกาสด้านผลตอบแทนมากขึ้น ในการบริหารเงินลงทุน"
ตระกูลจิตร กล่าวว่าหากจะพูดถึงการลงทุนที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นกว่าพันธบัตรรัฐบาลหรือสินทรัพย์ปลอดภัยอื่นๆ สินทรัพย์หลักในโลกการลงทุน ที่เห็นว่ามีแนวโน้มดีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เช่น หุ้น ทั้งหุ้นในประเทศและต่างประเทศ ปัจจัยหนุนหลัก คือ การฟื้นตัวของผลประกอบการตามเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ก็มีตราสารหนี้ เน้นตราสารหนี้ต่างประเทศที่ลงทุนในสกุลเงินหลายสกุลเงินโดยเฉพาะสกุลเงินของประเทศกำลังพัฒนา โอกาสของการลงทุนจะอยู่ที่ผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากค่าเงินที่แข็งค่า
ขณะเดียวกัน สินค้าโภคภัณฑ์ก็น่าจะมีแนวโน้มดีขึ้น ตามวัฏจักรเศรษฐกิจฟื้นตัว และเป็นหมวดการลงทุนที่ช่วยลดผลกระทบจากเงินเฟ้อ รวมถึงทองคำ เป็นหมวดการลงทุนที่ช่วยป้องกันเงินเฟ้อ และลดผลกระทบจากความเสี่ยงของค่าเงินดอลลาร์ที่อาจจะอ่อนตัวลง
"แต่ระหว่างทางของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจรอบนี้ เนื่องจากยังมีปัจจัยเปราะบาง การลงทุนเหล่านี้ย่อมมีการผันผวนขึ้นลง แต่แนวโน้มระยะยาวยังมีโอกาสดี การลงทุนแต่ละหมวดสินทรัพย์ข้างต้น แม้อาจจะมีความผันผวนขึ้นลงระหว่างทางดังได้กล่าวแล้ว แต่การปรับตัวขึ้นลงอาจจะไม่พร้อมกัน หรือไม่ใช่ทางเดียวกัน การลงทุนผสมหลายๆ หมวดสินทรัพย์ ที่มีการเคลื่อนไหวขึ้นลง ไม่ไปในทางเดียวกันทั้งหมด จะช่วยคานกันเอง และมีโอกาสลดความผันผวนโดยรวมของเงินลงทุนได้"
ตระกูลจิตรย้ำว่า อีกประเด็นที่สำคัญสำหรับการลงทุนในวัฏจักรการฟื้นตัวของเศรษฐกิจรอบนี้ คือ ต้องให้ความใส่ใจกับภาวะการเปลี่ยนแปลงของตลาด เพราะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอาจจะมีความไม่แน่นอนอยู่หลายปัจจัย ต้องมีการปรับเปลี่ยนการลงทุนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด
จากมุมมองดังกล่าว บลจ.ธนชาต จึงมีแนวคิดในการจัดตั้งกองทุนต่างประเทศกองทุนใหม่ คือ "กองทุนเปิด ธนชาต Multi Asset Portfolio (T-MAP)"
ลักษณะของกองทุน รูปแบบการลงทุนเป็นแบบ Fund of Funds คือ ลงทุนในกองทุนต่างประเทศหลาย ๆ กองทุน กรอบการลงทุนจะเกี่ยวข้องกับประเภทสินทรัพย์ (Asset Classes) หลากหลายประเภท เช่น หุ้น ตราสารหนี้ สินค้าโภคภัณฑ์ ทองคำ อสังหาริมทรัพย์
ทำไมต้องมีกระจายการลงทุนในหลายประเภทสินทรัพย์ ตระกูลจิตร กล่าวว่า "เหตุผลหลัก ก็คือ กลุ่มสินทรัพย์ที่จะให้ผลตอบแทนดีในแต่ละช่วงเวลา ยากที่จะคาดการณ์ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ นอกจากนี้การลงทุนลักษณะนี้เป็นการเปิดโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากกลุ่มสินทรัพย์ที่หลากหลาย และช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุน
กองทุนต่างประเทศที่กองทุนจะพิจารณาลงทุนเหล่านี้ จะเป็นได้ทั้ง Active funds และ Passive funds (เช่น ETF) ในส่วนของอัตราแลกเปลี่ยนนั้น กองทุนจะพิจารณาป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจเกิดขึ้นได้จากการลงทุนในต่างประเทศตามความเหมาะสม และสภาวการณ์ในแต่ละขณะ ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
ตระกูลจิตร สรุปจุดเด่นของกองทุน T-MAP ว่า แนวคิดการกระจายการลงทุนของ T-MAP จะเน้นการกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เพิ่มโอกาสและช่องทางสร้างผลตอบแทน ช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุน มีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนน้ำหนักตามสภาพเศรษฐกิจและตลาดทุนที่เปลี่ยนแปลงไป
กองทุนเปิดธนชาต Multi Asset Portfolio (T-MAP) อยู่ในระหว่างการพิจารณาคำขออนุมัติจัดตั้งและจัดการ กองทุนรวมจากสำนักงาน ก.ล.ต. คาดว่าจะเสนอขายครั้งแรกประมาณปลายเดือนต.ค. - พ.ย. สำหรับผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ.ธนชาต และที่ ธ.ธนชาต ทุกสาขา ในวันและเวลาทำการเสนอขาย
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
กองทุนจะป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
กองทุนเปิดธนชาต Multi Asset Portfolio อยู่ในระหว่างการพิจารณาคำขออนุมัติจัดตั้งและจัดการ กองทุนรวมจากสำนักงาน ก.ล.ต.
กองทุนเปิดกองทุนเปิดธนชาต Multi Asset Portfolio มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่ากองทุนรวมหน่วยลงทุนทั่วไป จึงมีความเสี่ยงมากกว่ากองทุนรวมหน่วยลงทุนทั่วไป
ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ผู้สนใจลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนให้เข้าใจก่อนซื้อหน่วยลงทุน และควรเก็บไว้เป็นข้อมูลเพื่อใช้อ้างอิงในอนาคต
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และขอรับหนังสือชี้ชวนส่วนข้อมูลโครงการได้ในวันและเวลาทำการที่เสนอขายที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด หรือผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุนที่ บลจ.ธนชาต แต่งตั้ง