นายสันทัด สงวนดีกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาการเงินอิสระ IRP กล่าวกับผู้ถือหุ้นในการประชุมเพื่อชี้แจงรายละเอียดการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ เพื่อแลกหุ้นกับผู้ถือหุ้นใหญ่ อย่าง บ. อินโดรามา เวนเจอร์ จก. หรือIVL ว่า “แผนการนำระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ของ IVL จะดำเนินการต่อไปไม่ว่าผลการลงคะแนนเสียงจะออกมาอย่างไรก็ตาม IVL จะยังคงมีแผนการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์
ก่อนหน้านี้ IVL ประกาศที่จะทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ด้วยการแลกหุ้น IRP ที่มูลค่า 1.232 หุ้น IVL ต่อ หุ้น IRP
เขายืนยันว่า มูลค่าการแลกหุ้นระหว่าง IVL และ IRP เป็นราคาที่ยุติธรรมและยังมีศักยภาพที่จะเพิ่มมูลค่าต่อไป ภายหลังการแลกหุ้น ซึ่งจะมีการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อลงมติว่า เห็นด้วยหรือไม่ในการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์หุ้น IRP โดย IVL ในวันที่ 27 ตุลาคมที่จะถึงนี้
นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส จำกัด (มหาชน) (IRP) และ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจก.อินโดรามา เวนเจอร์ (IVL) กล่าวว่าการนำ IVL เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทในระยะยาว โดยจะแผนบริหารงานของ IVL ในลักษณะเดียวกันกับแผนบริหารงานของ IRP
IRP ได้จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตั้งแต่ปีพ.ศ. 2548 โดยสินทรัพย์ของบริษัทได้เติบโตจาก 5,200 ล้านบาทมาเป็น 17,100 ล้านบาท และยังสามารถขยายกำลังการผลิตได้ถึง 7 เท่าในปัจจุบัน
“ผลประกอบการของ IRP เป็นบทพิสูจน์ถึงประสิทธิภาพการบริหารงานของเราได้เป็นอย่างดี ซึ่งเราจะยังคงใช้แผนการบริหารงานแบบเดียวกันนี้กับ อินโดรามา เวนเจอร์ ด้วย” อาลก โลเฮียกล่าว
นอกจากนี้แล้ว นายอาลกยังยืนยันที่จะทำให้ IVL เป็นบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมโพลีเอสเตอร์ของโลกโดยการควบรวมครั้งนี้จะเป็นผลดีต่อผู้ถือหุ้นของ IRP จากการเพิ่มสัดส่วนกำไรให้กับผู้ถือหุ้นอีกด้วย
นายอาลก กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลประกอบการในเวลาที่เหลือของปีนี้จะยังคงดีต่อเนื่องเช่นเดียวกับผลประกอบการในไตรมาส 3 ในส่วนของ IVL นั้น ช่วงครึ่งปีแรกมีผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) อยู่ที่ 38% เพิ่มขึ้นจาก 22% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน และ ROCE อยู่ที่ 16% ซึ่งเพิ่มจากจาก 14% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
IVL มียอดขาย ในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 38,600 ล้านบาท โดยมีกำลังการผลิต PTA อยู่ที่ 1.6 ล้านตัน และ รายได้ก่อนหักEBITDA อยู่ที่ 5,800 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,900 ล้านบาท