แนะ 3 เสาหลักเข้าใจช่วยเหลือรับมือเด็กแอลดี

อังคาร ๐๓ พฤศจิกายน ๒๐๐๙ ๐๙:๒๕
ดร.เพ็ญนี หล่อวัฒนพงษา ผู้อำนวยการฝ่ายบริการจิตวิทยา ผู้เชี่ยวชาญด้านครอบครัวบำบัด และการประเมินค่าทางจิตวิทยาทางการศึกษา โรงพยายาลมนารมย์ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความบกพร่องในการเรียนรู้ หรือ Learning Disabilities (LD) ว่า ปัญหาของเด็ก LD เป็นความบกพร่องที่ซ่อนเร้น คุณพ่อคุณแม่อาจรู้สึกว่าลูกมีความเฉลียวฉลาดปกติเหมือนเด็กทั่วไป แต่ทำไมพฤติกรรมบางอย่างสังเกตได้ว่ามีความผิดปกติ เช่น ใช้เวลาทำการบ้านนานเกินไป ลูกสามารถอ่านหนังสือได้คล่องแต่ไม่สามารถจับใจความได้ มีปัญหาด้านการคำนวณ การเขียน การพูด การฟังจนสังเกตได้ชัด ฯลฯ สิ่งเหล่านี้คือพฤติกรรมบางส่วนของเด็กที่เป็น LD ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำงานของสมองทั้งสองซีก แต่เป็นเรื่องของกระบวนการทำงานของสมอง และพันธุกรรมที่อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ขณะที่เด็กยังเติบโตอยู่ในครรภ์เพราะเซลส์ประสาทเชื่อมโยงไม่ถูกคู่ หรืออาจไปอยู่ผิดที่ผิดทาง จนทำให้สมองบางส่วนบกพร่องในขณะที่สมองและระบบประสาทส่วนกลางยังสามารถทำงานได้ดี

สำหรับวิธีสังเกตเด็กที่มีลักษณะเป็น LD พฤติกรรมบางอย่างจะสังเกตได้ชัด บางอย่างอาจสังเกตไม่ได้ คือเด็กอาจจะอ่านได้คล่อง อ่านเพื่อความเข้าใจได้ เล่าเรื่องได้ แต่เมื่อถามเฉพาะจุดเจาะจงจะตอบไม่ได้ ไม่สามารถเชื่อมโยงเรื่องได้ ส่วนในด้านคณิตศาสตร์ก็ไม่สามารถคิดคำนวณง่าย ๆ ได้ ไม่เข้าใจความคิดรวบยอดทางคณิตศาสตร์ จำหลักเลขไม่ได้ ด้านการเขียนอาจสะกดคำศัพท์ไม่ได้ หรือเด็ก LD อาจจะพูดเก่ง ฉลาด แต่จะไม่จำ โดยเฉพาะถ้าให้ลงมือเขียน ลงมือทำ จะทำไม่ได้ นี่คือช่องว่างที่แตกต่างกันตรงนี้และสิ่งที่ตามมาคือผลสัมฤทธ์ทางการเรียนอย่างน้อยที่สุดมีนัยยะสำคัญที่สองชั้นเรียน เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กปกติ

ดร.เพ็ญนี หล่อวัฒนพงษา กล่าวว่า เด็กที่เป็น LD นอกจากพ่อแม่ที่ต้องเข้าใจเด็กแล้ว ครูและโรงเรียนถือเป็นคนสำคัญเช่นกันที่จะต้องเข้าใจและสามารถช่วยให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีขึ้นได้ ซึ่งข้อแนะนำมีอยู่ 3 ข้อหลักๆ ดังนี้

1. ผู้ปกครองไม่ควรไปแก้ความบกพร่องของเด็ก แต่จะต้องพยายามที่จะสอนเขา เช่นการอ่าน บางครั้งตอนกลางวันอาจจะอ่านดี ปกติ ไม่ผ่านกลับหัว แต่พอกลางคืนอาจจะอ่านกลับหัว ต้องเข้าใจเด็กเพราะการทำงานของสมองไม่สม่ำเสมอ คล้ายกับเคลื่อนวิทยุที่ไม่นิ่ง เพราะฉะนั้นวิธีการก็คือ จะต้องสอนเด็กให้เขารู้ตัว และบอกเขาว่าจะเรียนรู้อย่างไร ดังนั้นพ่อแม่ควรมีเวลาให้กับลูก หมั่นสังเกตพฤติกรรมการทำการบ้าน การเรียน การอ่าน การพูดจาของลูกว่าสื่อสารกัน ติดต่อกันได้ดีไหม ถ้าพ่อแม่ไม่มีเวลาใส่ใจกับกิจกรรมของลูกเลย ปล่อยให้พี่เลี้ยง หรือครูพิเศษมาทำหน้าที่แทนก็ยิ่งทำให้เด็กอาจเป็นหนักขึ้น จนไม่อยากเรียนหนังสือเลยก็ได้

2. ครู ควรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความบกพร่องทางด้านการเรียน เพื่อที่จะสอนเด็กได้ โดยสอนให้เด็กได้เรียนรู้ศักยภาพด้านสติปัญญาของตัวเองว่าไมได้ด้อย อาจจะเก่งกว่าเด็กธรรมดาด้วยซ้ำ คงไม่ใช้คำว่าแค่แก้ปัญหา แต่ต้องเข้าใจปัญหา และรับมือกับมันให้ได้ เพราะจุดที่บกพร่องบางอย่างแก้ไม่ได้ เพราะไม่ใช่อวัยวะที่บกพร่อง แต่เป็นวิธีการทำงาน ที่บางครั้งมันเกิดวิธีการรับข้อมูล สื่อข้อมูล หรือเรียนรู้ที่บกพร่อง

3. โรงเรียนจะต้องสนับสนุนการเรียนของเด็กให้เกิดการบูรณาการ เพราะปัญหาชีวิตไมได้แก้ไขที่ด้านใดด้านหนึ่ง ต้องดูหลายด้าน ดังนั้นการเรียนที่ดีต้องมีความสอดคล้องทั้งรายวิชา และผู้สอนกับผู้เรียน โดยแต่ละรายวิชาต้องส่งเสริมกัน เมื่อเด็กเรียนไปแล้วสามารถสร้างความรู้ต่อได้ หากไม่สอดคล้องกันเด็กจะเรียนไมได้ เพราะในการบำบัดรักษาเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนจะต้องยึดหลักวิธีการสอนของครู วิชาที่สอน และการเรียนของเด็กเอื้อผลกันมากที่สุด ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือเด็กเหล่านี้ได้

ความรู้ความเข้าใจถือเป็นหัวใจสำคัญของการดูแลรักษาและบำบัดเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนและพัฒนาการ เพราะหากพ่อแม่และ ครูไม่เข้าใจเด็กแล้ว ก็อาจทำให้การรักษาเป็นไปอย่างล่าช้า ยิ่งพ่อแม่ และครูไม่มีความรู้ในเรื่องของจิตวิทยา และลักษณะของความบกพร่องทางการเรียนแล้วก็ย่อมทำให้เป็นเรื่องยากที่เด็กจะดีขึ้นได้ หากผู้ปกครอง หรือ ครู ต้องการข้อมูลเกี่ยวกับความบกพร่องทางการเรียน และพัฒนาการของเด็ก ก็สามารถขอรับข้อมูล หรือสอบถามจิตแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญได้ที่ โรงพยาบาลมนารมย์ โทร 02-725-9595 www.manarom.com

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 028641143 มายแบรนด์ เอเจนซี่

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๕๖ เอ็ม บี เค เปิดโลกนวัตกรรมยานยนต์แห่งสายน้ำสุดล้ำสมัย มหกรรมเรือยิ่งใหญ่แห่งปีกับงาน Riverdale Marina Boat Fair # 3 วันที่ 5-9 มี.ค.
๑๖:๓๑ พาส่องเทรนด์การท่องเที่ยว 'Conscious travel' นักท่องเที่ยวไทยพักผ่อนในโรงแรมนานขึ้น พร้อมมองหาประสบการณ์สุดพิเศษ
๑๖:๒๘ อาการสั่น. สัญญาณเตือนโรคร้ายทางสมอง
๑๖:๓๙ เปิดมุมมองการประเมินคุณภาพภายนอกปี 2567 - 2571 ในรูปแบบ การประเมินเพื่อพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา
๑๖:๔๒ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมมือ ฟลิปส์ อินโนเวทีฟ พัฒนาแพลตฟอร์ม 'Flips IP' เปลี่ยนทรัพย์สินทางปัญญาเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล
๑๖:๐๐ Jelly Bunny ส่งต่อความสดใสไปกับคอลเลกชั่น Lost in the Sunshine ต้อนรับฤดูกาลแฟชั่นสปริง - ซัมเมอร์ 2025
๑๖:๕๐ SAPPE โชว์ผลประกอบการปี 67 ทำ All Time High ยอดขายแตะ 6,775 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,252 ล้านบาท
๑๖:๓๑ SCN ออกหุ้นกู้ 2 ชุด กำหนดดอกเบี้ยคงที่ 7.00-7.25% เปิดขาย 26-27 ก.พ. นี้ ผ่านบล.ยูโอบี และบล.เคพีเอ็ม รับแผนเร่งเกมเดินหน้าขยายและต่อยอดธุรกิจปี
๑๖:๔๖ ลดยกเกาะรับซัมเมอร์ !! โฮมโปร-เมกาโฮม เสิร์ฟดีลคุ้ม 5 สาขาเกาะภูเก็ต ครบเรื่องบ้าน-งานช่าง แจกทั้งส่วนลด รับคืนสูงสุด 8,900 บาท เริ่ม 22 ก.พ. 68 นี้ 9
๑๖:๑๘ เมย์แบงก์ เกาะกระแส AI จัดสัมมนาการลงทุนพิเศษ AI on the Rise เจาะลึกตลาดหุ้นสหรัฐฯ กับนักวิเคราะห์ดังระดับโลกจากวอลล์สตรีท