นางสาววริยา ว่องปรีชา รองเลขาธิการสายบริหารงานสมาชิก รักษาการ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับภาวะการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากรที่มีจำนวนประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยจากข้อมูลการประมาณการประชากรขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization :ILO) เผยว่าภายในเวลาประมาณ 20 ปี หรือ พ.ศ. 2571 สัดส่วนประชากรวัยสูงอายุต่อประชากรรวมจะเพิ่มขึ้น 2 เท่า โดยเพิ่มจากร้อยละ 10.55 เป็นร้อยละ 20.22 และอัตราการพึ่งพิงของผู้สูงอายุก็จะเพิ่มขึ้น 2 เท่าเช่นกัน คือ จากร้อยละ 15.70 เป็นร้อยละ 31.88 แสดงให้เห็นถึงกลุ่มผู้สูงอายุที่อาจจะไม่ได้รับการดูแลจากครอบครัวมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหมายถึงงบประมาณรายจ่ายของรัฐเกี่ยวกับสวัสดิการผู้สูงอายุที่ต้องเพิ่มขึ้นด้วย อาจส่งผลกระทบต่องบประมาณเพื่อการพัฒนาประเทศในส่วนอื่นได้ อีกทั้งสวัสดิการดังกล่าวอาจจะครอบคลุมกลุ่มผู้สูงอายุได้ไม่ทั่วถึง ดังนั้น ทุกภาคส่วนของสังคมไทยจึงควรร่วมกันตระหนักถึงการเตรียมรองรับสถานการณ์ดังกล่าว โดยปัจจัยหนึ่งที่ช่วยสร้างความพร้อมสำหรับวัยสูงอายุได้ก็คือ การออมเพื่อการชราภาพ
สำหรับ กบข. ในฐานะที่เป็นกองทุนเงินออมเพื่อการเกษียณของข้าราชการสมาชิกทั่วประเทศ และเล็งเห็นถึงประโยชน์ของการออมที่สามารถเป็นหลักประกันทางการเงินสำหรับการดำรงชีวิตได้ทั้งในปัจจุบันและในยามชราภาพ อีกทั้งการออมยังเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยระดมเงินลงทุน ส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศให้มีเสถียรภาพ ทั้งนี้ กบข.มุ่งบริหารเงินออมโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของสมาชิก เพื่อให้บรรลุเป้าหมายหลัก คือ สมาชิกทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีในวัยเกษียณ
กบข. ส่งเสริมการออมระยะยาวของสมาชิกด้วยบริการออมเพิ่มที่เปิดโอกาสให้สมาชิกสะสมเงินระหว่างที่ยังดำรงสมาชิกภาพในอัตราสูงสุดถึงร้อยละ15 และบริการทยอยรับเงินคืนที่เปิดโอกาสให้สมาชิกที่เกษียณอายุสามารถเลือกวิธีการรับเงินคืนที่สอดคล้องกับแผนการเงินของตนเองได้ ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินไปยังกองทุนบำนาญอื่น การขอรับเงินคืนเป็นงวด หรือการฝากเงินให้กองทุนบริหารต่อเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับผลประโยชน์ให้กับสมาชิกที่สามารถยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ กบข.ยังได้เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการออม เพื่อให้สมาชิกและประชาชนทั่วไปเข้าใจถึงความสำคัญของการออม ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างความเข้มแข็งทางการเงินได้
ทั้งนี้ สังคมไทยควรร่วมกันสร้างทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับการออม เพราะผู้ออมจะมีความมั่นคงทางการเงินทั้งในปัจจุบันและส่งผลดีต่อเนื่องไปแม้ในวัยเกษียณ ทำให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนในที่สุด
ศูนย์บริการข้อมูลสมาชิก กบข. โทร. 1179 กด 6 [email protected] / www.gpf.or.th