นางสาววริยา ว่องปรีชา รองเลขาธิการสายบริหารงานสมาชิก รักษาการ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่ากลยุทธ์ในการบริหารเงินออมระยะยาวนั้น ต้องมีหลักเกณฑ์และนโยบายการลงทุนที่สอดคล้องกับการออมระยะยาวเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ไม่ให้น้ำหนักกับการลงทุนอย่างใดอย่างหนึ่งมากจนเกินไป การพยายามลดความเสี่ยงจากการลงทุนให้มากที่สุด การหาดอกผลเพื่อให้ได้ผลตอบแทนเพื่อที่สามารถชนะเงินเฟ้อในระยะยาว
ทั้งนี้ ในทางปฏิบัตินั้นปัจจุบัน กบข. มีการลงทุนในตราสารที่มีความมั่นคงสูงถึงร้อยละ 69.3 โดยมีการลงทุนในเงินฝากธนาคาร ตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชน หุ้นกู้ ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าเป็นการลงทุนที่มีความมั่นคงปลอดภัยในการจ่ายผลตอบแทน สำหรับการลงทุนในสัดส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 40 นั้น เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน ได้มีการจัดสรรไปลงทุนในตราสารต่าง ๆ โดยได้มีการลงทุนในตราสารทุนในประเทศกว่าร้อยละ 8.9 ตราสารทุนต่างประเทศร้อยละ 8.6 ตราสารหนี้ต่างประเทศร้อยละ 5.6 อสังหาริมทรัพย์ร้อยละ 4.1 และการลงทุนทางเลือกอื่นๆ ร้อยละ 3.5
อย่างไรก็ตาม หลักการในการลงทุนนั้น ผลตอบแทนกับความเสี่ยงจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันเสมอ โดยการลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนที่ได้รับก็จะต่ำ ในขณะเดียวกันลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงสูง ก็จะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงตามพร้อมๆ กับความผันผวนได้ง่าย
นางสาววริยา กล่าวว่าจากภาพรวมเศรษฐกิจที่เริ่มดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ส่งผลดีกับผลตอบแทนการลงทุนของ กบข.ที่ปรับตัวดีขึ้นในช่วงปลายปีนี้ โดยในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมาผลตอบแทนจากการลงทุนอยู่ที่ร้อยละ 7.80 หรือคิดเป็นเงินจำนวน 24,742.74 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม กบข. ยังคงให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยง และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุน เพราะต้องยอมรับว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและไทยยังมีความเปราะบาง
ศูนย์บริการข้อมูลสมาชิก กบข. โทร. 1179 กด 6 [email protected] / www.gpf.or.th