CEN มั่นใจปีนี้โชว์ผลงานได้ประทับใจ ผถห.วางเป้าหมายปี 53 ขยายตัวอีกไม่ต่ำกว่า 15%

ศุกร์ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๐๐๙ ๐๗:๔๘
วุฒิชัย ลีนะบรรจง” ปลื้มผลประกอบการไตรมาส 3/52 ของ CEN พลิกโชว์กำไรสุทธิ 36.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 208.66% จากไตรมาส 2/52 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 33.36 ล้านบาท เหตุบริษัทลูกทั้ง ระยองไวร์ฯ-เอื้อวิทยา-เอ็นเนซอล สร้างผลงานเยี่ยม โดยได้รับแรงหนุนจากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว อีกทั้งสามารถบริหารต้นทุนได้ดีขึ้น ทำให้มั่นใจว่าผลงานสิ้นปีนี้จะสร้างผลงานที่ทำให้ผู้ถือหุ้นประทับใจ ส่วนแนวโน้มปี 2553 เชื่อรายได้ขยายตัวอีกไม่ต่ำกว่า 15% จากแนวโน้มธุรกิจที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ CEN ประกาศแตกพาร์จากหุ้นละ 5 บาท เป็นหุ้นละ 1 บาท แจงเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกับหุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้างรายอื่น และคาดช่วยหนุนให้การซื้อขายคึกคักตามสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้น

นายวุฒิชัย ลีนะบรรจง กรรมการผู้จัดการใหญ่ และรองประธานกรรมการ บริษัทแคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ CEN เปิดเผยว่าผลประกอบการในไตรมาส 3/52 สามารถพลิกมีกำไรสุทธิ 36.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 208.66% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2/52 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 33.36 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทย่อยทั้ง 3 แห่งคือ บริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์จำกัด, บริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เอ็นเนซอล จำกัด มีผลประกอบการดีขึ้นทั้งหมด โดยได้รับผลบวกจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ฟื้นตัว ภายหลังจากรัฐบาลได้ผลักดันและกระตุ้นให้เกิดโครงการใหม่ๆ อาทิ โครงการไทยเข้มแข็ง เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย โดยเฉพาะการจัดการเกี่ยวกับวัตถุดิบ ซึ่งได้มีคณะทำงานคอยติดตามการเปลี่ยนแปลงของราคาวัตถุดิบอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะปัญหาเรื่องของราคาเหล็ก ที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในปีที่แล้ว ซึ่งในไตรมาส1ถึง2/2552 บริษัทได้มีการจัดการปรับต้นทุนเพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางราคาเหล็กเรียบร้อยแล้ว เพื่อรับมือกับสถานการณ์และแนวโน้มของราคาและปริมาณความต้องการ ในการนำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจในการสั่งซื้อและบริหารจัดการวัตถุดิบคงคลังให้มีความเหมาะสม และสอดคล้องกับระยะเวลาการกำหนดราคาขายผลิตภัณฑ์ของบริษัทย่อย ซึ่งช่วยให้สามารถบริหารต้นทุนได้ดีขึ้นและยังมีวัตถุดิบเพียงพอต่อแผนการผลิตในระยะรายไตรมาส

“อย่างไรก็ตามหากเปรียบเทียบไตรมาส 3/52 กับงวดเดียวกันของปีก่อนจะพบว่ากำไรของ CEN ปรับตัวลดลง แต่นั่นเป็นเพราะในไตรมาส 3/51 มีรายการพิเศษเกิดขึ้นคือ มีการรับรู้รายได้จากหนี้สงสัยจะสูญรับคืนถึง 97.96 ล้านบาท ซึ่งหากเปรียบเทียบเป็นตัวเลขของกำไรที่เกิดจากการดำเนินงานที่แท้จริงจะพบว่าในปีนี้ CEN มีกำไรจากการดำเนินงานมากกว่าปีที่แล้วเกือบ 20 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการวางแผนและบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”

นายวุฒิชัยอธิบายเพิ่มเติมว่า CEN ดำเนินธุรกิจในด้านการลงทุนในบริษัทอื่น โดยปัจจุบันได้ลงทุนในบริษัทย่อย 3 แห่ง ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ผลประกอบการในไตรมาสนี้ออกมาเป็นบวกทั้งหมด ส่วนหนึ่งมาจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่เริ่มฟื้นตัว โดยในส่วนของ บริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ จำกัด เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ลวดเหล็กแรงดึงสูง ซึ่งในปัจจุบันจัดเป็นวัสดุก่อสร้างที่มีความสำคัญและเป็นที่ต้องการมากขึ้น สำหรับใช้เป็นวัสดุในงานก่อสร้างที่เน้นความแข็งแรง ทนทาน และแนวโน้มของธุรกิจยังคงขยายตัวดี โดยบริษัทได้รับผลบวกโดยตรงจากการที่ภาครัฐได้ผลักดันให้เกิดโครงการใหม่ๆอย่างต่อเนื่องอาทิโครงการไทยเข้มแข็งเป็นต้น

สำหรับ บมจ.เอื้อวิทยา ซึ่งผลิตและจำหน่ายโครงเหล็กชุบสังกะสีสำหรับเสาสายส่งไฟฟ้าแรงสูง เสาโทรคมนาคม และโครงเหล็กสถานีไฟฟ้าย่อย ยังมีการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องตามโครงการขยายระบบสายส่งไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งยังคงมีความต้องการสูงจากความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแนวโน้มในปี 2553 ยังมีการเปิดประมูลโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องซึ่งคิดเป็นมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท และบริษัทคาดว่าจะสามารถชนะการประมูลและคว้างานมาได้กว่า 40-50% เนื่องจากเอื้อวิทยาเป็นบริษัทที่สามารถผลิตสายไฟฟ้าขนาด 500 kV. ได้ ซึ่งมีไม่กี่บริษัทในประเทศที่ทำได้ ในส่วนของ บริษัท เอ็นเนซอล จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านบริหารการจัดการพลังงาน และบริหารโรงผลิตกระแสไฟฟ้าให้แก่บริษัท เดอะ สยามเซรามิค กรุ๊ป อินดัสทรีส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือปูนซีเมนต์ไทย ปัจจุบันมีการปรับปรุงประสิทธิภาพและสามารถดำเนินงานได้ตามแผนที่วางไว้ได้ทั้งการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าและพลังงานความร้อน

“จากการดำเนินธุรกิจที่ยังมีการขยายตัว ผนวกกับไตรมาส 4 ปีนี้คาดว่าจะทำได้ดีไม่แพ้ไตรมาส 3 ทำให้มั่นใจว่าสิ้นปีนี้ CEN น่าจะสร้างผลงานที่เป็นบวกให้ผู้ถือหุ้นประทับใจได้ และสำหรับปี 2553 ยังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องโดยคาดว่ารายได้จะมีอัตราการขยายตัวไม่ต่ำกว่า 15% จากภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะการกระตุ้นจากภาครัฐ ทำให้มีโครงการใหม่ๆ เกิดขึ้นจำนวนมาก อีกทั้ง CEN มีแผนที่จะรุกตลาดไปยังต่างประเทศอีกด้วย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการในประเทศลิเบีย และคาดว่าจะสามารถส่งสินค้าไปจำหน่ายได้ในปี 2553 พร้อมกันนี้ยังพยายามมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ทั้งในและนอกประเทศเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยบวกต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้ของ CEN ในปีหน้าให้มีอัตราการเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้” นายวุฒิชัย กล่าว

พร้อมกันนี้ คณะกรรมการของบริษัท ครั้งที่ 6/2552 ได้มีมติให้เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ของบริษัทจากเดิมหุ้นละ 5 บาท เป็นมูลค่าหุ้นละ 1 บาท โดยทุนจดทะเบียนของบริษัทจะคงเดิม คือ 625,000,000 บาท โดยการแตกหุ้นสามัญจาก 125,000,000 หุ้นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท เป็น 625,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ในครั้งนี้จะทำให้มูลค่าหุ้นของ CEN อยู่ในมาตรฐานเดียวกับบริษัทในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการประเมินและเปรียบเทียบข้อมูลของนักวิเคราะห์และนักลงทุน อีกทั้งคาดว่าจะทำให้การซื้อขายหุ้น CEN ในกระดานความคึกคักขึ้นตามสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทฯได้กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2552 ในวันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2553 โดยจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2552 ในวันที่ 3ธันวาคม 2552 และให้รวบรวมรายชื่อ ตาม ม.225 ของ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 4 ธันวาคม 2552

ข้อมูล บริษัท แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน)

บริษัทดำเนินธุรกิจในด้านการลงทุนในบริษัทอื่น โดย ณ ปัจจุบัน บริษัทได้ลงทุนในบริษัทย่อย 3 บริษัท คือ บริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ จำกัด บริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เอ็นเนซอล จำกัด โดยคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการบริหารจะเป็นผู้กำหนดนโยบายด้านการดำเนินธุรกิจและให้อิสระแก่ผู้บริหารของบริษัทย่อยในการบริหารงานแบบเบ็ดเสร็จ

บริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ จำกัด

บริษัทย่อยดำเนินธุรกิจด้านผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ลวดเหล็กแรงดึงสูง และลวดเชื่อมไฟฟ้า โดยมีกำลังการผลิตรวม 36,000 ตันต่อปี ซึ่งสามารถแบ่งผลิตภัณฑ์ได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้

1. ลวดเหล็กแรงดึงสูงชนิดเส้นเดี่ยว (Prestressed Concrete Wire หรือ PC-Wire) มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 4, 5, 7 และ 9 มิลลิเมตร ได้รับเครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เลขที่ มอก. 95-2540 เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในงานก่อสร้างที่เน้นความแข็งแรง ความทนทาน เพื่อรองรับน้ำหนัก โดยนิยมนำไปใช้ในการผลิตเสาเข็ม เสาไฟฟ้า แผ่นพื้นสำเร็จรูป และไม้หมอนคอนกรีตสำหรับรางรถไฟ มีกำลังการผลิตประมาณ 19,200 ตันต่อปี

2. ลวดเหล็กแรงดึงสูงชนิดตีเกลียว (7- Wire Prestressed Concrete Strand หรือ PC-Strand) มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 9.3, 9.5, 12.4, 12.7 และ 15.2 มิลลิเมตร ได้รับเครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเลขที่ มอก. 420-2540 เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้มาจากการนำลวดเหล็กแรงดึงสูงชนิดเส้นเดี่ยวมาตีเกลียวเข้าด้วยกัน ทำให้สามารถรับแรงดึงได้มากขึ้น และนิยมนำไปใช้ในงานก่อสร้างขนาดใหญ่ อาทิ คานสะพาน ทางยกระดับ เสาเข็มขนาดใหญ่ และไซโลเป็นต้นมีกำลังการผลิต14,400ตันต่อปี

3. ลวดเชื่อมไฟฟ้า (Welding Wire) มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.8, 0.9 และ 1.2 มิลลิเมตร ได้รับเครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเลขที่ มอก. 597-2528 และมาตรฐาน BV (Bureau Veritas) หรือเรียกกันว่า MIG WIRE เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมเชื่อมโลหะ เช่น อุตสาหกรรมประกอบรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ อู่ต่อเรือ ตู้คอนเทนเนอร์ ท่อสูบน้ำ ถังแก๊ส รถไถนา หม้อแปลงไฟฟ้า และเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น มีกำลังการผลิต 2,400 ตันต่อปี

บริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน)

บริษัทย่อยดำเนินธุรกิจด้านผลิตและจำหน่ายโครงเหล็กชุบสังกะสีสำหรับเสาสายส่งไฟฟ้า แรงสูง เสาโทรคมนาคม และโครงเหล็กสถานีไฟฟ้าย่อย และมีการให้บริการชุบสังกะสีให้แก่ลูกค้าทั่วไป และจำหน่ายสินค้าอุปกรณ์ส่งกำลัง ผลิตภัณฑ์ของบริษัทย่อยเป็นประเภทที่ผลิตและจำหน่ายตามความต้องการของลูกค้า

ผลิตภัณฑ์ของบริษัทย่อยมีดังนี้

1. โครงเหล็กเสาสายส่งไฟฟ้าแรงสูง เป็นเสาโครงเหล็กชุบสังกะสี ผลิตตามความต้องการของลูกค้า เพื่อใช้ในโครงการสายส่งไฟฟ้าแรงสูงของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อรองรับสายไฟฟ้าขนาดแรงดันไฟฟ้าตั้งแต่ 115 kV.- 500 kV. จากโรงไฟฟ้าถึงสถานีไฟฟ้าย่อยก่อนที่จะส่งต่อไปถึงสถานที่ผู้ใช้งานในเขตชุมชนโดยใช้เสาคอนกรีตต่อไป

2. โครงเหล็กเสาโทรคมนาคม เป็นเสาโครงเหล็กเพื่อรองรับอุปกรณ์สื่อสารในระบบโทรคมนาคม มีความสูงตั้งแต่ 20 เมตร ถึงมากกว่า 100 เมตร ผลิตตามความต้องการของลูกค้าซึ่งจะกำหนดให้มีการออกแบบในรายละเอียดและให้มีการทดลองประกอบก่อนที่จะผลิตเพื่อการส่งมอบโครงเหล็ก

3. เสาโครงเหล็กสถานีไฟฟ้าย่อยและโครงเหล็กทั่วไป เป็นเสาโครงเหล็กที่รองรับอุปกรณ์ไฟฟ้าในสถานีไฟฟ้าย่อย เพื่อรองรับอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น transformers, disconnecting switches, Lighting arrestors, capacitors และ ฯลฯ และเป็นเสาขนาดเล็กไม่สูงมากนัก ในส่วนของโครงเหล็กทั่วไปก็เป็นโครงเหล็กที่ใช้ในกิจการต่างๆ เช่น โครงหลังคาทางเดินรั้วฯลฯ

4. การบริการชุบสังกะสี เป็นบริการให้ลูกค้าทั่วไปที่มีผลิตภัณฑ์โครงเหล็กของตนเอง แต่ต้องการให้มีการชุบสังกะสี เพื่อให้ผลิตภัณฑ์คงทนต่อการเกิดสนิม ผลิตภัณฑ์ของลูกค้าดังกล่าวได้แก่ ตระแกรง ท่อเหล็กรางรับสายไฟฯลฯ

5. การจัดจำหน่ายสินค้าอุตสาหกรรม ซึ่งได้แก่อุปกรณ์ส่งกำลังประเภท โซ่ เฟือง มอเตอร์และเกียร์ต่างๆ ผลิตภัณฑ์ส่งกำลังที่จัดจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงนำเข้ามาจากต่างประเทศ

บริษัท เอ็นเนซอล จำกัด

บริษัทย่อย จัดตั้งขึ้นมาเพื่อดำเนินการธุรกิจทางด้านการบริหารจัดการพลังงานโดยเฉพาะ ซึ่งมีความพร้อมที่จะนำเสนอโครงการ เป็นโรงไฟฟ้าประเภทผลิตร่วม หรือ โรงไฟฟ้าประเภทผลิตไฟฟ้าร่วมกัน 2 วงจร เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขนาดต่างๆ ตั้งแต่ขนาดเล็กเพื่อใช้ในอาคารหรือโรงงานอุตสาหกรรม ทั้งนี้สามารถนำเสนอโครงการทั้งในรูปแบบของผู้รับจ้างก่อสร้างแบบเบ็ดเสร็จ (รวมงานออกแบบก่อสร้าง และดำเนินการ) และรูปแบบของสัมปทานการผลิตและดำเนินการจนถึงการส่งมอบทรัพย์สินเมื่อครบกำหนดสัมปทานโครงการแรกของบริษัทย่อย ได้แก่ โครงการลงทุนผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้า และพลังงานความร้อนแก่บริษัท เดอะ สยาม เซรามิค กรุ๊ป อินดัสทรี่ส์จำกัดจังหวัดสระบุรี

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : IR PLUS พันธนันท์ เมฆขาว (เอ๊าะ) โทร. 02-554-9396

E-mail : [email protected]

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘ เม.ย. ARDA จับมือ ฟาร์ม เอ็กซ์โป และพันธมิตร เปิดศึก AGRITHON by ARDA Season 2 เฟ้นหาสุดยอดไอเดียปลุกพลังนวัตกรรมเกษตรไทย ชิงทุนวิจัยรวมกว่า 100
๑๘ เม.ย. กรุงศรี ฉลอง 80 ปี ดูหนัง 80 บาท ที่ Major Cineplex เมื่อชำระด้วยบัตรกรุงศรี เดบิตและบัตร Krungsri Boarding
๑๘ เม.ย. แบรนด์ซุปไก่สกัด รณรงค์ขับขี่ปลอดภัยในโครงการ สมองล้าอย่าขับ พักดื่มแบรนด์ จับมือ ตำรวจทางหลวง และ ตำรวจจราจร
๑๘ เม.ย. ซัมซุงจัดใหญ่! เป็นเจ้าของ ตู้เย็น Side by Side รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมรับสิทธิพิเศษแบบจุใจ ได้แล้ววันนี้
๑๘ เม.ย. ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดกนง.มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนเมษายนนี้
๑๘ เม.ย. EXIM BANK ร่วมกับกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs รับมือนโยบายภาษีแบบตอบโต้ของสหรัฐฯ
๑๘ เม.ย. ปักหมุด! เตรียมจัดงาน PET Expo Thailand 2025 จัดยิ่งใหญ่ครบรอบ 25 ปี
๑๘ เม.ย. ลดคลายร้อน ช้อปแลคตาซอย 1,000 ลด 100 พร้อมชวนร่วมสนุกถ่ายภาพคู่แลคตาซอย ลุ้น 10 รางวัล
๑๘ เม.ย. DITP ประชุมผู้จัดแสดงสินค้า เตรียมความพร้อมสู่เวที THAIFEX - ANUGA ASIA 2025
๑๘ เม.ย. โรงแรมเครือดุสิตธานี เปิดตัวโปรพิเศษต้อนรับซัมเมอร์ 'A Night on Us' เติมเต็มวันพักผ่อนอย่างมีความสุขกับโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตธานีทั่วโลก