ผู้จัดการโครงการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน กล่าวต่อว่าเมื่อเร็วๆนี้ได้ร่วมมือกับสวนดุสิตโพล ในการสำรวจความคิดเห็นของคนทั้งประเทศเรื่องการเคารพวินัยจราจรเพื่อลดอุบัติเหตุพบประเด็นที่น่าสนใจว่า จากกลุ่มตัวอย่าง 1,172 คนทั่วทุกภาคของประเทศเคยประสบอุบัติเหตุจากการเดินทาง ร้อยละ 58.73 สาเหตุอันดับ 1 มาจากขับรถโดยประมาท ร้อยละ 38.82 ตามมาด้วยฝนตกและทัศนะวิสัยไม่ดี ร้อยละ 13.24 และอันดับ 3 คือ การขับรถผิดกฎจราจรร้อยละ 11.76 โดยพบว่าพฤติกรรมไม่เคารพกฎหมายและกฎจราจร มีหลายรูปแบบ เช่น มีคนสวมหมวกกันน๊อก ทุกครั้งที่ขับขี่รถจักรยานยนต์แค่ร้อยละ 46.67 ทั้งๆที่ควรจะมากกว่านี้ หรือการขับขี่รถย้อนศรปรากฏว่าประชาชนเห็นการขับขี่ย้อนศรเป็นประจำถึงร้อยละ 78.40 นอกจากนี้ยังมีการฝ่าฝืนกฎหมายในเรื่องการขับรถเร็วเกินกว่ากำหนดซึ่งอาจจะมาจากสาเหตุทางกายภาพของถนนที่มีเลนมากขึ้นและอาจเข้าใจผิดในเรื่องอัตราความเร็วของรถเพราะผู้ที่ตอบแบบสอบถามประมาณร้อยละ 34.40 เข้าใจว่าต้องขับขี่ความเร็วเกิน 120 กิโลเมตร ต่อชั่วโมงขึ้นไปจึงถือว่าเป็นอัตราที่ไม่ปลอดภัย
“ประชาชนส่วนใหญ่เสนอแนะว่าควรจะมีการเพิ่มโทษเมาแล้วขับจากเดิมปรับ 5,000 บาท และรอลงอาญา เป็นปรับเงินให้มากขึ้นและเปลี่ยนเป็นโทษกักขังแทน ส่วนผู้ที่ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เสนอให้เพิ่มโทษ ลงโทษหนักขึ้น เช่น ยึดใบอนุญาตขับขี่ ติดตั้งกล้องตรวจจับความเร็วอัตโนมัติบนถนนสายสำคัญทั่วประเทศ” นพ.ธนะพงศ์ กล่าว.
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
979/22,26 ชั้น 15 อาคาร เอส.เอ็ม.ทาวเวอร์ ถนนพหลโยธิน
แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานครฯ 10400
www.thaihealth.or.th Tel. 02-914-7439