นายดีลิป กุมาร์ อากาวาล กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บ. อินโดรามาโพลีเมอร์ส จก (มหาชน) หรือ IRP กล่าวถึงผลดำเนินงานในไตรมาส 3 ที่ผ่านมาของ บ. อินโดรามาเวนเจอร์ หรือ IVL ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ IRP ว่า “ผลการดำเนินงานของ IVL ในไตรมาสที่ผ่านมานับว่าดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะมาร์จิ้นของ PTA นั้นมีเสถียรภาพ แม้ว่ามาร์จินของผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก PET จะลดลงในไตรมาสที่ผ่านมาก็ตาม”
ปัจจุบัน IVL อยู่ในระหว่างทำการเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ IRP จากผู้ถือหุ้นรายย่อย และจะมีการจดทะเบียนให้ IVL เป็นบริษัทหลักทรัพย์ภายในกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ โดยใน 9 เดือนแรกที่ผ่านมา IVL ได้ประกาศผลกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 4,500 ล้านบาท เพิ่มจาก 3,500 ล้านบาทในไตรมาส 2
นายอากาวาล กล่าวว่า กำไรสุทธิประมาณ 4,500 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมานั้น นับเป็นการเติบโตกว่า 160% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลดีจากการรวมค่าสเปรดของผลิตภัณฑ์ PET และ PTA เข้าด้วยกัน โดยค่าเฉลี่ยของสเปรดในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 397 เหรียญดอลล่าห์สหรัฐต่อตัน เมื่อเปรียบเทียบค่าสเปรดเฉลี่ยในตลาดเอเชียซึ่งอยู่ที่ประมาณ 316 เหรียญดอลล่าห์สหรัฐต่อตัน
ในส่วนของ IRP ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการการผลิต ผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก PET นั้น มีมาร์จิ้นที่ลดลงเล็กน้อยตามปริมาณความต้องการในตลาดที่ลดลงซึ่งเป็นปกติของธุรกิจในไตรมาสที่ 3 โดยในไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมานั้นค่าสเปรดของ PET อยู่ที่ 170 เหรียญดอลล่าห์สหรัฐต่อตัน ซึ่งลดลงจาก 222 เหรียญดอลล่าห์สหรัฐต่อตันในไตรมาสที่ 2 ขณะที่ค่าเฉลี่ยของสเปรดในตลาดเอเชียอยู่ที่ 142 เหรียญดอลล่าห์สหรัฐต่อตัน
“ค่ามาร์จิ้นของเรายังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมเล็กน้อย อย่างไรก็ตามยอดขายซึ่งมีอัตราการเติบโตที่ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสที่ 2 ได้ส่งผลให้ค่ามาร์จิ้นของเราลดลงเช่นกัน” นายอากาวาล กล่าว
นายอากาวาล กล่าวว่า ค่มาร์จิ้นที่ต่ำลงเป็นผลให้บริษัทสามารถบริหารจัดการเพื่อขยายส่วนแบ่งในตลาดโลกได้มากขึ้น โดยหากไม่รวมประเทศจีนแล้ว ปัจจุบันบริษัทฯ จะมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 13% จากทั่วโลก ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 10% ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา
“เราคาดว่าค่าสเปรดของผลิตภัณฑ์จะเพิ่มสูงกว่าระดับ 200 เหรียญดอลล่าห์สหรัฐต่อตัน ในไตรมาส 4 นี้” นายอากาวาลยืนยันในระหว่างการตอบคำถามกับนักวิเคราะห์
ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา IRP รายงานผลกำไรสุทธิที่ 239 ล้านบาท ซึ่งลดลงเล็กน้อยจาก 276 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่ผลกำไรสุทธิในรอบ 9 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 1,580 ล้านบาท โดยมียอดขายอยู่ที่ 32,850 ล้านบาท เพิ่มจากกำไรสุทธิ 933 ล้านบาท และยอดขายที่ 30,920 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
นายอากาวาล กล่าวเพิ่มเติมว่า ความต้องการในตลาดยุโรปยังมีกว่า 1 ล้านตัน ซึ่งผู้ผลิตบางส่วนไม่สามารถทำการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว ได้มากพอเนื่องจากปัญหาทางการเงิน โดยในส่วนของ IRP และ IVL จะมีการดำเนินนโยบายอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในทวีปยุโรปอย่างต่อเนื่อง