นางสาวศุภิชชา ชัยพิพัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ กลุ่มบริษัทซีคอน ผู้บุกเบิกธุรกิจรับสร้างบ้านของเมืองไทยตลอด 48 ปีที่ผ่านมา เปิดเผยถึงความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในปี 2552 ว่า บริษัทฯ ได้เตรียมการอย่างดีใน การวางแผนการตลาดรับมือกับเศรษฐกิจที่ลูกค้าอยู่ในภาวะการชะลอตัวในการตัดสินใจสร้างบ้าน โดยนำกลยุทธ์ Target Marketing โดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และสร้างสรรค์สินค้าและบริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงในแต่ละกลุ่ม ทำให้เราสามารถเติบโตได้ในปี 2552 และสามารถสร้างยอดขายรวมได้แบบทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยผ่านไป 10 เดือน เราทำยอดขายรวมได้แล้วกว่า 978 ล้านบาท แบ่งเป็น ซีคอน โฮม 604 ล้านบาท และ คอมแพค โฮม 374 ล้านบาทซึ่งเฉพาะคอมแพค โฮมทะลุเป้าไปแล้วเกือบ 50% ซึ่งเชื่อมั่นว่ากลุ่มซีคอน จะสามารถสร้างยอดขายในปีนี้ที่ 1,100 ล้านบาทได้อย่างไร้กังวล
“เราพยายามสร้างช่องทางการขาย โดยรุกไปยังตลาดใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเราได้วางแผนรุกตลาด ภาคตะวันออก โดยเปิดศูนย์รับสร้างบ้านประจำภูมิภาคที่ จ.ชลบุรี เพื่อขยายพื้นที่บริการไปยังจังหวัดชลบุรีและจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งได้รับกระแสตอบรับอย่างดี และเชื่อว่าจะเป็นอีกส่วนที่สร้างให้ยอดขายของเราเติบโตขึ้นอย่างมากในปี 2553 โดยในปีหน้า เราตั้งเป้าที่จะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดจากเดิม 10% สู่ 11% คิดเป็นยอดขายรวม 1,300 ล้านบาท โตขึ้น 18% โดยแบ่งเป็น คอมแพค โฮม 460 ล้านบาท และ ซีคอน โฮม 840 ล้านบาท เพราะดูแนวโน้มในครึ่งปีหลังของปี 52 เห็นได้ชัดว่ากำลังซื้อเริ่มกลับมา พร้อมจะขยายส่วนแบ่งไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ในระดับราคาสูงกว่า 8 ล้านบาท ขึ้นไป โดยใน 3 ปีข้างหน้า กลุ่มซีคอนจะมีแบบบ้านให้ลูกค้าเลือกในทุกระดับราคา โดยเราคาดการณ์ว่า จะสามารถสร้างอัตราเติบโตเฉลี่ยเพิ่มขึ้นปีละ 15% ซึ่งหากเป็นไปตามที่คาด เชื่อว่าเป้าหมายยอดขายในปี 2554 จะเพิ่มขึ้นเป็น 1,500 ล้านบาท และในปี 2555 จะเพิ่มขึ้นเป็น 1,700 ล้านบาท” นางสาวศุภิชชา ชัยพิพัฒน์ กล่าวแสดงความเชื่อมั่น
เมื่อวิเคราะห์ถึงภาพรวมของตลาดรับสร้างบ้านในระดับราคาต่างๆ นั้น ผู้อำนวยการใหญ่ กลุ่มบริษัท ซีคอน กล่าวแสดงความเห็นในประเด็นดังกล่าวว่า “ในปี 2552 ต้องยกให้เป็นปีทองของกลุ่มบ้านในระดับราคาต่ำกว่า 2.5 ล้านบาท นั่นคือสาเหตุว่า ทำไม คอมแพค โฮม ถึงเติบโตกว่า 50% ในเวลาเพียง 10 เดือน และเชื่อว่าตลาดจะยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะยังมีคู่แข่งที่ให้บริการอยู่น้อยกว่าความต้องการของตลาด ส่วนบ้านในระดับราคา 2.5-5 ล้านบาท ก็ยังคงครองส่วนแบ่งสูงสุด ณ ปัจจุบัน ซึ่งเรามีความแข็งแกร่งอย่างมากในตลาดกลุ่มนี้ และตลาดกลุ่มที่น่าจับตาใน ปี 2553 น่าจะเป็นกลุ่ม 5-8 ล้านบาท ที่เริ่มมีสัญญาณเชิงบวกให้เห็นว่ากำลังมีความเคลื่อนไหวด้านบวกอย่างต่อเนื่อง ทำให้กลุ่มบริษัทซีคอน เตรียมแผนรองรับอย่างเต็มที่ที่จะก้าวไป กวาดยอดขายในส่วนดังกล่าวรวมไปถึงกลุ่มบ้านที่มีราคาสูงกว่า 8 ล้านบาทด้วย ส่วนในเรื่องช่องทางการให้บริการนั้น เราคาดว่าจะได้สามารถขยายเขตพื้นที่บริการออกไปในวงกว้างกว่าเดิม จากเดิมที่เราให้บริการวัดจากศูนย์กลางออกไป 50 กม. จะเพิ่มขึ้นเป็น 100 -150 กม. ซึ่งจะกินพื้นที่ในจังหวัดรอบๆ ปริมณฑล อาทิเช่น นครปฐม ราชบุรี กาญจนบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร อยุธยา และสระบุรี”
ด้านกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อรองรับการเติบโตโดยเฉลี่ย 15% ต่อปี ของกลุ่มบริษัทซีคอน นางสาวศุภิชชา ชัยพิพัฒน์ กล่าวถึงประเด็นหลักของแผนว่า “การจะก้าวถึงจุดนั้นได้ เราจะใช้กลยุทธ์หลักคือ Target Marketing การทำการตลาดแบบเน้นกลุ่มเป้าหมาย โดยมีการวางกลยุทธ์ไว้ในหลายส่วนด้วยกัน ประกอบด้วย
1. สร้างแบรนด์กลุ่มซีคอน สู่ Top of mind Brand เมื่อคนนึกอยากจะสร้างบ้าน ต้องนึกถึงซีคอน โฮม โดยสะท้อน ภาพลักษณ์ความเป็น Premium Brand โดยเน้นที่ คุณภาพงานก่อสร้าง ราคาสมเหตุสมผล ผ่านสื่อที่เป็น Mass Media อย่างต่อเนื่อง
2. พัฒนา Production หรือ ระบบก่อสร้างที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างให้ได้เร็วขึ้น ลดจุดบกพร่อง ลดต้นทุนค่าก่อสร้าง และในปัจจุบันโรงงานผลิตและติดตั้งโครงสร้างของเรา ได้เพิ่มกำลังการผลิต เพื่อรองรับจำนวนบ้านที่จะสร้างเพิ่มขึ้นได้สูงถึงเดือนละ 80 -100 หลัง
3. โดดเด่นด้วย Product Design เพราะแบบบ้านจะเกี่ยวข้องกับรสนิยมและไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยที่มีความแตกต่าง เราวางจุดขายไว้ที่ความหลากหลายของแบบบ้าน เพื่อกระจายตลาดครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย และมุ่งทำการตลาดแบบเฉพาะกลุ่ม (Target Marketing) เราจึงต้องพัฒนาแบบบ้านและคิดเผื่อเรื่องพื้นที่ใช้สอย ให้ตรงใจเป้าหมายแต่ละกลุ่ม โดยในปี 2553 กลุ่มบริษัทซีคอนจะมุ่งเน้นบ้านราคาระดับกลาง ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของและขยายตลาดเพิ่มในบ้านระดับราคาสูง ส่วนบ้านระดับราคาน้อยกว่า 2.5 ล้านบาท ให้เป็นหน้าที่ของ คอมแพคโฮม
4. นำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ เพราะเราคิดว่า Technology หรือ Innovation ใหม่ๆ กับ Design จะเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดคำว่า Premium กับธุรกิจรับสร้างบ้าน เพราะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ ไม่ว่าจะเป็นการนำระบบ ERP มาใช้ทั่วทั้งองค์กร หรือการนำเอา Interactive Program มาช่วยในการขายและเพิ่มความสะดวกกับลูกค้าในการเลือกแบบบ้าน
5. การบริการ เป็นส่วนที่สำคัญไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าการมีแบบบ้านที่สวยและดี เราจึงพัฒนาซีคอนให้เป็นศูนย์รับสร้างบ้านที่ลูกค้าจะได้รับความสะดวกในทุกจุดของกรุงเทพฯ และปริมณฑล อีกทั้งบริการ Seacon Home Delivery ก็ยังให้บริการอยู่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น ทีมงานลูกค้าสัมพันธ์ก็จะยังเป็นส่วนสำคัญในการประสานงานระหว่างบริษัทกับลูกค้า ทั้งนี้เพื่อหวังผลความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ”
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บริษัทที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์:
บริษัท โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น จำกัด
วิภาวริศ เกตุปมา หรือ จาจิญา เพ็งพันธ์ และชวิศรา สัมฤทธิ์นรพงศ์
02-951-9119