สกศ. วิจัยประชากรกลุ่มวัยแรงงาน 15-59 ปี เพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้มากขึ้น

พฤหัส ๑๙ พฤศจิกายน ๒๐๐๙ ๑๕:๕๔
เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2552 สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ได้จัดสัมมนา เรื่อง แนวทางการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยสำหรับประชากรวัยแรงงานอายุ 15-59 ปี ณ ห้องประชุมเรนโบว์ 1 โรงแรมใบหยกสกาย ประตูน้ำ กรุงเทพฯ โดยมี นางสาวสุทธาสินี วัชรบูล รองเลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวเปิดการประชุมว่า เป็นโครงการที่สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาร่วมกับมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ทำการวิจัยและพัฒนารูปแบบเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับประชากรที่อยู่นอกโรงเรียน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2552 ในการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สองที่ให้ความสำคัญในเรื่องของการพัฒนาผู้เรียน ทั้งในระบบ นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชากรกลุ่มวัยแรงงาน ซึ่งมีจำนวน 2 ใน 3 ของประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ เพราะฉะนั้น การพัฒนาหรือเพิ่มโอกาสทางการศึกษาอย่างมีคุณภาพ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการยกระดับการศึกษาให้สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการศึกษาเฉลี่ยของประเทศเพิ่มมากขึ้นจากเดิมที่ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 8.7 หากเรามีแนวทางการจัดการศึกษาพัฒนาในเรื่องการอ่าน การเรียนรู้ และนำเทคโนโลยีด้าน ICT มาช่วย จะสามารถเพิ่มโอกาสทางวิชาชีพ หรือกลไกเรื่องการเคลื่อนย้ายแรงงานไปสู่ตลาดแรงงานต่างประเทศได้อีกด้วย

ด้าน ศาสตราจารย์ ดร.สุมาลี สังข์ศรี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ผู้ทำวิจัย กล่าวว่า ได้ศึกษาวิจัยจากกลุ่มตัวอย่างทุกภูมิภาคของประเทศ แบ่งเป็นกลุ่มประชากรวัยเรียนที่ไม่ได้ศึกษาในระบบ อายุระหว่าง 15-25 ปี กลุ่มวัยทำงานอายุระหว่าง 26-59 ปี จำนวน 960 คน รวมกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆที่เป็นผู้จัดการศึกษานอกระบบจำนวน 40 คน รวมกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 1,000 คน ผลการวิจัย พบว่า รูปแบบของกิจกรรมทางการศึกษาสามารถจัดได้หลายรูปแบบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับธรรมชาติและความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เช่น การจัดศูนย์เรียนรู้ตลอดชีวิตในชุมชน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ในส่วนของสถานประกอบการจัดการศึกษาในโรงงานเทียบเท่าการศึกษาระดับต่างๆ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาและเพิ่มวุฒิการศึกษา ตลอดจนการฝึกอบรมในงานเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ภาคอุตสาหกรรม การส่งเสริมการ การศึกษาทางไกลเต็มรูป ในลักษณะการเรียนผ่านสื่อต่างๆ รวมถึงการสร้างระบบสะสมหน่วยกิตสะสมผลการเรียนไว้ได้ภายใน 5 ปี และสามารถเทียบโอนความรู้และประสบการณ์ได้

“กลุ่มตัวอย่างประสงค์ที่จะรับบริการจาก กศน.ในพื้นที่ เป็นแกนกลางในการจัดกิจกรรมการศึกษานอกระบบมากที่สุด สำหรับการกำหนดเนื้อหาความรู้แต่ละกิจกรรมในกลุ่มเป้าหมาย จะต้องมาจากความต้องการที่แท้จริง เพื่อที่จะสามารถนำสิ่งที่เรียนรู้ไปใช้ประโยชน์ได้ ไม่ใช่จัดตามความสะดวกหรือความพร้อมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” ศ.ดร.สุมาลี กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๓:๐๗ ทีทีบี ครองธนาคารไทยคะแนนสูงสุดด้าน ESG ต่อเนื่องปีที่ 6 ตอกย้ำความสำเร็จบนเส้นทางสู่ การธนาคารเพื่อความยั่งยืน
๑๓:๔๐ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดคาดเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่องหนุน กนง. คงดอกเบี้ยนโยบาย
๑๓:๒๕ หมอนรองกระดูกเสื่อม สาเหตุปวดร้าวลงขา
๑๒:๕๖ กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ มองเศรษฐกิจโลก 2025 ฟื้นตัว แม้มีปัจจัยเสี่ยง ชี้ตราสารหนี้และหุ้นยังคุ้มค่าท่ามกลางความผันผวน
๑๒:๒๗ Thailand Privilege Card จับมือ ASAVA ปรับโฉมยูนิฟอร์มด้านบริการ ภายใต้คอนเซปต์ GRACE สะท้อนอัตลักษณ์ไทยร่วมสมัยสู่สากล
๑๑:๐๔ เครือสหพัฒน์ จัดสัมมนาเสริมบทบาทคณะกรรมการ ESG เดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน
๑๑:๒๖ กสิกรไทยส่งบริการมัดใจตลาดเวียดนาม กวาด 2 รางวัลใหญ่ ระดับนานาชาติ สุดยอดบัตรเครดิตใหม่และสุดยอดธนาคารแห่งใหม่เพื่อเอสเอ็มอีออนไลน์
๑๑:๕๙ 'พฤกษา' ตอกย้ำผู้นำด้านอสังหาฯ ผนึกความเชี่ยวชาญด้านการอยู่อาศัย สู่การสร้างชุมชนสุขภาพดี มอบสิทธิพิเศษ และโครงการดูแลสุขภาพลูกบ้านตลอดปี
๑๑:๒๓ TFG ติดปีก! ปี 67 กำไรพุ่งแตะ 3,143.81 ลบ. เพิ่มขึ้น 486.93%
๑๑:๑๖ SO ตอบแทนผู้ถือหุ้นโดยจ่ายปันผล 85% ของกำไร หรือ 0.18 บาท/หุ้น กวาดกำไรปี 67 กว่า 153 ล้านบาท