บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต เกตเวย์ จำกัด ในเครือ ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้รับใบอนุญาตการเชื่อมต่อเคเบิลใยแก้วใต้น้ำจากกทช.เป็นรายแรก เดินหน้าศึกษาแผนลงทุนวางโครงข่ายเคเบิลใยแก้วใต้น้ำ สะท้อนศักยภาพความเชื่อมั่นบริการธุรกิจเกตเวย์ที่มุ่งเน้นคุณภาพและทางเลือกที่หลากหลาย เตรียมพร้อมรองรับการเติบโตของปริมาณแบนด์วิธประเทศไทยที่เติบโตแบบก้าวกระโดด ทั้งเดินหน้าขยายการเชื่อมต่อเกตเวย์ สู่ภูมิภาค คือ ลาว พม่า และกัมพูชา เพิ่มศักยภาพการให้บริการที่ครอบคลุมมากขึ้น ยกระดับไทยก้าวเป็นศูนย์กลางเกตเวย์ในภูมิภาค
นายทรงธรรม เพียรพัฒนาวิทย์ ผู้อำนวยการบริหารด้านลูกค้าองค์กรและธุรกิจบริการระหว่างประเทศ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า เป็นความภาคภูมิใจของกลุ่มทรูที่บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต เกตเวย์ เป็นเอกชนรายแรกที่ได้รับใบอนุญาตเคเบิลใยแก้วใต้น้ำจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช) ทำให้เป็นผู้ประกอบการธุรกิจเกตเวย์เอกชนรายแรกที่ได้รับอนุญาตให้เชื่อมต่อโครงข่ายทั้งบนภาคพื้นดินและใต้น้ำ ซึ่งจะตอกย้ำศักยภาพการให้บริการเชื่อมต่อโครงข่ายอินเทอร์เน็ต และ โครงข่ายสื่อสารข้อมูลระหว่างประเทศของกลุ่มทรู ที่เน้นการเพิ่มมาตรฐานทัดเทียมนานาประเทศ ทั้งเรื่องของการเชื่อมต่อต่างประเทศที่ครอบคลุมทั่วโลก รวมทั้งการเตรียมช่องทางสำรอง กรณีเกิดปัญหาการเชื่อมต่อก็จะสามารถใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง ไม่กระทบต่อการดำเนินธุรกิจที่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และ/หรือโครงข่ายสื่อสารข้อมูลระหว่างประเทศ การได้รับมอบใบอนุญาตครั้งนี้ จะเป็นโอกาสสำคัญในการขยายธุรกิจของทรู อินเทอร์เน็ต เกตเวย์ เพื่อรองรับปริมาณการใช้บรอดแบนด์ในประเทศ รวมถึง การเชื่อมต่อวงจรสื่อสารข้อมูลระหว่างประเทศ (IPLC) ของกลุ่มลูกค้าองค์กร ซึ่งมีแนวโน้มการใช้งานเพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด นอกจากนี้ยังจะเป็นเสมือนพื้นฐานโครงสร้างหลักสำคัญ (Backbone) เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้ามาของเทคโนโลยีใหม่ๆ ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี 3G WiMax รวมทั้ง NGN เป็นต้น
ดร. อโณทัย รัตนกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต เกตเวย์ จำกัด กล่าวว่า จากการที่ ทรู อินเทอร์เน็ต เกตเวย์ ได้รับใบอนุญาตจาก คณะกรรมการ กทช. ให้สามารถบริการอินเทอร์เน็ตเกตเวย์แบบเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและวงจรสื่อสารข้อมูลส่วนบุคคล ตรงกับต่างประเทศ ตั้งแต่ต้นปี 2550 เป็นต้นมานั้น ทำให้เกิดการแข่งขัน และเป็นทางเลือกให้กับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ISP และกลุ่มลูกค้าองค์กร มากขึ้น ส่งผลให้เกิดการพัฒนาคุณภาพและการให้บริการ ที่ผ่านมามีปริมาณการใช้บริการเพิ่มขึ้นเป็นลำดับอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ทรู อินเทอร์เน็ต เกตเวย์ ยังขยายจุดเชื่อมต่อ POPS (Point of Presence) ทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์และสหรัฐอเมริกา รวมทั้งขยายชุมสาย (Node) ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วโลก ทั้งยุโรปที่ประเทศอังกฤษ และเอเชีย ที่ฮ่องกง เพื่อเพิ่มคุณภาพในการเชื่อมต่อให้กลุ่มลูกค้า ISP และกลุ่มลูกค้าองค์กรเชื่อมต่อความเร็วได้รวดเร็วและเสถียรยิ่งขึ้นทั่วโลก ดังนั้น การได้รับใบอนุญาตให้สามารถเคเบิลใยแก้วใต้น้ำ จากสำนักงาน กทช. ครั้งนี้ จะยิ่งเป็นการ ตอกย้ำความพร้อมในการให้บริการอินเทอร์เน็ตเกตเวย์ที่มีโครงข่ายครบถ้วนทั้งบนพื้นดินและใต้น้ำ เสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 50 ราย ให้สามารถใช้งานการเชื่อมต่อโครงข่าย สื่อสารข้อมูล และ อินเทอร์เน็ตไปยังต่างประเทศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ ทรู อินเทอร์เน็ต เกตเวย์ ได้รับอนุญาตให้สามารถเชื่อมต่อเกตเวย์ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็น ลาว พม่า เวียดนามและกัมพูชา ซึ่งนอกจากจะรองรับปริมาณการให้บริการที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังจะมีส่วนผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการให้บริการเกตเวย์ในภูมิภาคได้อย่างเต็มภาคภูมิ
“ถือเป็นวิสัยทัศน์กว้างไกลของ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช) ที่ต้องการเปิดตลาดเสรีให้กับธุรกิจการให้บริการเกตเวย์ในประเทศไทย ซึ่ง กลุ่มทรู ยังคงยืนยันเป้าหมายที่จะยกระดับคุณภาพ การเข้าถึงการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง อีกทั้งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สร้างความคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุดให้กับกลุ่มลูกค้าองค์กรที่มีความจำเป็นต้องใช้การเชื่อมต่อสื่อสารข้อมูลระหว่างประเทศ ที่มีมาตรฐานทัดเทียมมาตรฐานโลก การได้รับใบอนุญาตเคเบิ้ลใต้น้ำในครั้งนี้ จะเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการ และเป็นการเตรียมความพร้อม เพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ตลอดจนไลฟ์สไตล์การใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงของผู้บริโภคคนไทยที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องได้เป็นอย่างดี” นายทรงธรรม กล่าวในที่สุด