นางกานดา วัชราภัย รองปลัดกระทรวงกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยถึงการจัดงาน The World Exposition Shanghai China 2010 ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม — 31 ตุลาคม 2553 โดยมีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายในการจัดทำในรูปแบบของอาคารศาลาไทย (Thailand Pavilion) ภายใต้แนวคิด ”Thainess: Sustainable Ways of Life : ความเป็นไทย วิถีแห่งความยั่งยืนของชีวิต” ว่า งาน World Expo ถือเป็นงานระดับโลกที่มีความสำคัญ ในการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของประเทศสู่สายตานานาประเทศ และ เป็นโอกาสในการแสดงศักยภาพของประเทศไทยให้ชาวโลกได้เห็นซึ่งจะสามารถขยายผลให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศไทยในอนาคต
จากที่กระทรวงฯ ได้รับมอบหมายให้ดูแลและดำเนินการอาคารศาลาไทยครั้งนี้ นับว่ามีประโยชน์อย่างมากในแง่ของตัวอย่างกรณีการศึกษาการจัดงานสำหรับประเทศไทย เพื่อเตรียมความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพการจัดงานระดับโลกนี้ โดยเฉพาะด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน การอำนวยความสะดวกการเข้าร่วมงาน การจัดสรรและเลือกพื้นที่การจัดงานงาน บุคลากร การประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนในประเทศตื่นตัวและมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าภาพ ซึ่งก่อให้เกิดการสร้างงาน และการพัฒนาประเทศ ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพเพียงพอหากได้รับความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชน รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมผลักดันให้ประเทศไทยก้าวเป็นศูนย์กลางการจัดประชุมและงานแสดงสินค้านานาชาติในภูมิภาคเอเชียต่อไป
ด้าน นายอรรคพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน)หรือสสปน.(TCEB) เปิดเผยว่างาน World Expo ถือเป็นงานระดับโลกที่มีความสำคัญ ในการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของประเทศสู่สายตานานาประเทศ ซึ่งส่งผลดีทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม การท่องเที่ยว และการลงทุนให้กับประเทศในอนาคต ดังนั้น สสปน. จึงได้ร่วมเป็นหนึ่งในองค์กรสนับสนุนภาครัฐในการนำงานระดับโลกเข้ามาจัดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง พร้อมสนับสนุนภาครัฐในด้านการศึกษาข้อมูลและผลการวิเคราะห์โครงการ นำเสนอรายงานต่อรัฐบาล รวมทั้งประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดงาน World Expo ในปี 2020 ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย Creative Economy ของรัฐบาลที่เน้นนำจุดเด่นของประเทศไทย เช่น วัฒนธรรมประเพณี พื้นฐานนิสัยใจคอของคนไทยมาเป็นจุดขายให้เหนือคู่แข่งขันอย่าง ฮ่องกง สิงคโปร์
“การที่สสปน.ต้องการมีส่วนร่วมในการสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐผลักดันประเทศไทยให้เป็นเจ้าภาพการจัดงาน World Expo ในปี 2020 ถือเป็นกลยุทธ์การทำการตลาดเชิงรุก และการวางแผนระยะยาว เพื่อมุ่งต่อยอดการนำงานระดับโลกเข้ามาจัดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องนำไปสู่โอกาสที่ประเทศไทยสามารถสร้างชื่อเสียง รายได้ และประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลในระยะยาว จากการดึงกลุ่มองค์กรจากทั่วโลกที่มีกำลังซื้อสูงและต่อเนื่อง ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 50 % ของตลาดไมซ์ให้เข้ามาจัดงานธุรกิจ (Business Events) ในประเทศไทย เพราะเป็นประเทศที่มีศักยภาพและจุดขายที่ชัดเจนในการเป็นมืออาชีพในการจัดงานประชุมระดับโลก หากแต่ยังไม่เป็นที่รับรู้อย่างเพียงพอและกว้างขวาง และถือเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมไมซ์ให้ทั่วโลกยอมรับ” นายอรรคพล กล่าว
โดยในเบื้องต้น สสปน. ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดอุตสาหกรรมการส่งเสริมการจัดประชุมสัมมนา การจัดนิทรรศการและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (ไมซ์) มีหน้าที่สำคัญในการศึกษาความเป็นไปได้ เตรียมข้อมูลในด้านการวางแผน การเตรียมตัวด้านการจัดการ การเสนอพื้นที่ที่เหมาะสมต่อพื้นที่จัดงานงบประมาณในการจัดงาน ตลอดจนวิเคราะห์ประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมของประเทศเป็นสำคัญ รวมถึงภาพลักษณ์ของประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ความเจริญของเมือง หรือ Hosted City ที่จะได้รับ โดยคาดว่าจะจะสามารถทำการศึกษาโครงการดังกล่าวและยื่นประมูลให้แล้วเสร็จพร้อมโครงการฉบับสมบูรณ์ภายในปี 2020
อย่างไรก็ตาม สสปน.จะนำเสนอรายงานแก่รัฐบาลเพื่อตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการประมูลสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพจัดงาน World Expo ในปี 2020 หากรัฐบาลตอบรับ สสปน. พร้อมที่จะทำงานทั้งในบทบาทของที่ปรึกษาให้คำแนะนำ แก่คณะทำงานในการดำเนินงาน หรือ ในฐานะร่วมเป็นเจ้าภาพเพื่อเตรียมพร้อมสู่กระบวนการประมูลสิทธิ์ที่ต้องไปแข่งขันกับประเทศต่างๆ จากทั่วโลก