วัน ทู โก โดยสายการบินโอเรียนท์ ไทย ร่วมสร้างสรรค์ความดี ผ่านโครงการ ’One Two Go, We share’ เพื่อสร้างสังคมการเรียนรู้และการแบ่งปันประสบการณ์ใหม่ๆ รวมถึงการรู้จักการให้ ให้จากน้ำใจจริง ไม่หวังผลตอบแทน และรู้จักความรัก รักที่จะเห็นทุกๆ คนในสังคมอยู่ร่วมกันด้วยความสุข และแนวคิดของโครงการนี้จะเกิดขึ้นเป็นจริงได้ เมื่อเริ่มคิดและทำ เพื่อการเดินทางไปสู่การค้นหาและการเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ ร่วมกัน
“เราเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสังคม ยังมีคนอื่นๆ อีกมากมายที่อยู่ร่วมในสังคมด้วยกับเรา สิ่งที่แตกต่างคือ ต่างคน ต่างที่ ต่างมุมมอง แต่ถ้าเราเริ่มเดินทางร่วมกันแลกเปลี่ยนและมีส่วนร่วม สังคมแห่งการเรียนรู้ที่รอบด้านย่อมเกิดขึ้นเป็นจริงได้เสมอเริ่มได้ ที่ตัวเราเองก่อน ดังนั้นโครงการ ‘One Two Go, We Share’ ริเริ่มขึ้นเพื่อสร้างจิตสำนึกและส่งเสริมให้ทุกคนในสังคม รวมถึงพนักงานในองค์กรของเรา ได้มีโอกาสร่วมคิดดีและลงมือทำเพื่อเพื่อนคนอื่นๆ ที่อยู่ร่วมในสังคมเดียวกับเรา” มนัสนันท์ ตันติประสงค์ชัย กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท โอเรียนท์ไทย แอร์ไลน์ จำกัด บอกเล่าที่มาของโครงการ
โดยงานนี้ จึงได้นำน้องๆ ตัวแทนกลุ่มเด็กกำพร้าและด้อยโอกาสในภาคใต้ จากมูลนิธิ We Peace กลุ่มอาสาสมัครสตรีไทยมุสลิม จ.ยะลา วัย 9 — 13 ปี จำนวน 12 คน ได้ร่วมเดินทางผ่านประสบการณ์การเรียนรู้ด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ธรรมชาติและสัตว์ต่างๆ และพลาดไม่ได้ที่จะชื่นชมหมีแพนด้า ‘หลินฮุ้ย-ช่วงช่วงและหลินปิง’ พร้อมชมสัตว์น้ำที่มีหลากหลายพันธุ์ ทั้งชมโชว์การให้อาหารปลาใต้น้ำ และสุดยอดกับระบำใต้น้ำที่ทำให้น้องๆ ตื่นตาตื่นใจและเพลิดเพลินสนุกสนาน ต่างระบายยิ้มอย่างมีความสุขกันถ้วนหน้า
หลังจากนั้นน้องๆ ได้นำประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้มาถ่ายทอดสร้างสรรค์ด้วยกิจกรรมศิลปะ Art Camp เพื่อฟื้นฟูจิตใจ โดยงานนี้ได้รับเกียรติจาก คีโด้ ฮิวแบรนด์ กู้ดเฮีย (Guido Hillebrand Goedheer) จิตรกรเอกชื่อดังชาวดัชท์ ได้ร่วมเดินทางมาถ่ายทอดเรื่องราวมุมมองต่างๆ ผ่านศิลปะด้วยสีอะคริลิคให้กับน้องๆ ณ สวนสัตว์ จ.เชียงใหม่
คีโด้เล่าว่า จะชอบทำงานเพื่อการกุศลที่เกี่ยวกับทางด้านศิลปะ เพราะศิลปะเป็นพื้นฐานของทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ ความรู้สึก และความนึกคิด และศิลปะสามารถที่จะบำบัดและฟื้นฟูจิตใจได้ (Art Theraphy)
“โดยธรรมชาติจะเป็นตัวสื่อที่จะสร้างสรรค์งานศิลปะ และชอบที่จะเห็นเด็กๆ ใช้จินตนาการสนองความรู้สึกของตัวตนออกมา ฉะนั้นในการสอนศิลปะจึงไม่มีรูปแบบหรือกำหนดของเขตของงานศิลปะ แต่จะเน้นที่จินตนาการที่เด็กจะต้องออกมาจากภายในตัวของเด็กเอง”
ว่าแล้วน้องๆ ก็เริ่มสร้างสรรค์จินตนาการที่ได้เก็บเกี่ยวมาสร้างสรรค์เป็นผลงานศิลปะบนกรอบผ้าใบแคนวาส
น้องพรีม-ด.ญ.อาซีลา ดอรอแต วัย 12 ขวบ ผู้เข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว เรียนอยู่ชั้นป.6 โรงเรียนบ้านปุโรง จ.ยะลา น้องพรีมเล่าว่าสูญเสียคนที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับจากเหตุการณ์ไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปีนี้ โดยเริ่มตั้งแต่สูญเสียน้าปีละคนๆ จะกระทั่งคุณพ่อ แล้วล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคมปีนี้ คุณแม่ถูกลอบยิง
“ตอนนั้นช็อค สลบไปเลย และก็ไม่รู้ด้วยว่ามาจากสาเหตุอะไรที่ครอบครัวถูกคุกคามตลอด ตอนนี้อาศัยอยู่กับตาและยายที่อายุมากแล้ว หนูพี่น้อง 3 คน พี่ชายคนโตอายุ 17 ปีอยู่บ้านไม่ได้ ต้องไปสมัครเป็นอาสาสมัครทหารพราน และน้องสาวปาล์มมี่-ยัสมี อยู่ด้วยกัน
...ถ้าโตขึ้นหนูอยากเป็นหมอทหาร ไม่อยากเป็นหมอที่อยู่ตามโรงพยาบาลจะนิ่งๆ แต่ถ้าเป็นหมอทหารได้ช่วยเหลือคน ช่วยเหลือชาวบ้านจริงๆ
...หนูมาที่นี่มีความสุขมาก ได้ประสบการณ์ที่ดี และดีใจที่ได้มาวาดรูป แม้จะไม่สวยแต่หนูรู้สึกเต็มที่กับมัน เพราะตรงนี้เป็นส่วนหนึ่งที่จะนำภาพไปประมูลการกุศล แล้วนำรายได้ไปช่วยเหลือเพื่อนๆ ที่ไม่ได้มีโอกาสมาในวันนี้ แค่นี้หนูก็ดีใจแล้วค่ะ”
น้องปาล์มมี่-ด.ญ.ยัสมี ดอรอแต วัย 11 ขวบ เรียนอยู่ชั้นป.5 โรงเรียนเดียวกับพี่สาว งานนี้น้องปาล์มมี่สร้างเซอร์ไพร้สให้กับพี่และเพื่อนๆ ด้วยความร่าเริง แจ่มใส และพูดเก่งมาก เพราะหลังจากเรื่องราวอันโหดร้ายของครอบครัว ปาล์มมี่จะเป็นเด็กที่เงียบเก็บตัว เอาแต่นั่งซึมและร้องไห้ แต่หลังจากที่ได้รับการบำบัดจากมูลนิธิ We Peace ปาล์มมี่ก็ค่อยๆ ดีขึ้นเป็นลำดับ และโดยเฉพาะวันนี้มีความสุขที่สุด
“หนูดีใจค่ะที่ได้มา สนุกมากเลยค่ะ ได้เรียนรู้สัตว์ต่างๆ มากมาย และมีเพื่อนเยอะดี รูปที่หนูวาดนี้ตั้งใจทำที่สุดเลยค่ะ มีความสุขมากๆ
...หนูอยากเรียนหนังสือเก่งๆ สูงๆ อยากเป็นหมอหรือนางพยาบาลก็ได้ เพราะอยากจะช่วยเหลือคนในหมู่บ้านของหนูค่ะ”
น้องมะอูเซ็ง กีดี วัย 11 ปี เรียนอยู่ชั้นป.6 หนุ่มน้อยคนนี้ชอบแจกยิ้มอวดฟันขาวอยู่ร่ำไป แม้จะประสบปัญหากับความยากจน แต่ก็ร่าเริงและสดใส เพราะชอบร้องเพลง และมีความสุขกับการแด๊นซ์
“ชอบเต้นมาก เป็นแดนเซอร์ของโรงเรียน เคยประกวดมาหลายที่แล้ว จะออกงานโรงเรียนบ่อย
...มาวันนี้มีความสุขที่สุดเลย ได้เรียนรู้อะไรตั้งเยอะแยะ ชอบสัตว์น้ำมาก มีให้ดูมากมาย ต่างก็ที่บ้านมากเพราะที่นี่มาทีเดียวได้ดูครบหมด ทั้งสัตว์บกสัตว์น้ำ
...ได้วาดรูปตามจินตนาการที่เราเห็นเราชอบก็วาดไป ก็ตั้งใจทำให้ดีที่สุด สนุกมาก อยากมาอีก” น้องอานัส หวันสู วัย 9 ขวบ เรียนอยู่ป.4 โรงเรียนบ้านคูวอ เป็นเด็กเงียบๆ แต่หากฝีมือทางศิลปะไม่ธรรมดาเลย เพราะได้ถ่ายทอดเรื่องราวสะท้อนออกมากมายกว่าบุคลิกเสียอีก
“ผมสูญเสียพ่อไปนานแล้ว เมื่อปี’49 ตอนนั้นก็ยังเด็กอยู่มาก ก็มีแม่คอยเลี้ยงดู สงสารม๊ะ(แม่)มากต้องคอยเลี้ยงดูและส่งเสียผม แต่ม๊ะก็ไม่ได้มีรายได้มาก มีกินมีใช้ไปวันๆ จะพยายามตั้งใจเรียนให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้ม๊ะเสียใจ
...วันนี้มีความสุขมากครับ ได้เห็นสัตว์ต่างๆ ตื่นเต้นมาก และได้วาดรูปด้วย ชอบมาเลยครับ”
หลังจากวาดภาพของตัวเองเสร็จแล้ว น้องๆ ร่วมแรงร่วมใจสร้างสรรค์งานศิลปะชิ้นใหญ่ที่น้องๆ ได้ใส่จินตนาการของตัวเองอย่างเต็มที่ โดยมีคีโด้จิตรกรชื่อดังคอยให้กำลังใจอยู่ข้างๆ ภาพชิ้นนี้จะเป็นภาพที่จะนำไปประมูลการกุศลในราวต้นปีหน้าที่กรุงเทพฯ เพื่อหารายได้ช่วยเหลือเด็กกำพร้าและด้อยโอกาสจากเหตุการณ์ไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของมูลนิธิ We Peace ที่ไม่ได้มาในวันนี้
ร่วมเดินทางสร้างสรรค์ความดีด้วยกัน จากการเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ใหม่ๆ ทั้งการให้ที่มาจากใจ สู่ความรักที่จะเห็นคนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
‘One Two Go, We Share’...คุณค่าแห่งความดีของสังคม เพื่อการแบ่งปันซึ่งกันและกัน
เผยแพร่ข่าวในนาม : วัน ทู โก โดยสายการบินโอเรียนท์ ไทย
โทร. 0 2229 4260 # 347
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติม : เบญจมา บินซูกอร์ โทร.