กรุงเทพฯ--19 ธ.ค.--เจดับบลิวที พับลิค รีเลชั่นส์
นายวีรศักดิ์ ชัยสุพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเอสพี สตีลเซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CSP บริษัทผู้ประกอบการศูนย์บริการเหล็กครบวงจรและผู้ผลิตท่อเหล็กรีดเย็น เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้อนุมัติให้บริษัทเข้าทำการซื้อขายในวันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม ศกนี้ โดยบริษัทจะใช้ชื่อในการซื้อขายว่า CSP และอยู่ในประเภทหมวดวัสดุก่อสร้าง
“เมื่อวันที่ 14 — 15 ธันวาคม ที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดให้จองซื้อหุ้นสามัญจำนวน 100 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 3 บาท ซึ่งได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี และสามารถขายหุ้นได้หมดเรียบร้อยแล้ว โดยเงินที่ได้รับจากการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจะนำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินเพื่อซื้อเครื่องจักรในการผลิตท่อเหล็กรีดเย็น ขยายพื้นที่และปรับปรุงอาคารโรงงานและที่ดิน รวมทั้งชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นในส่วนที่เหลือ”
นายวีรศักดิ์ กล่าวถึงผลประกอบการของบริษัทในปี 2548 ในระยะ 9 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม — กันยายน) ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 2,142.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.65% จากงวดเดียวกันของปี 2547 ซึ่งบริษัทมีรายได้รวม 1,403.6 ล้านบาท และบริษัทฯ มีกำไรสุทธิงวด 9 เดือนแรกของปี 2548 เท่ากับ 67.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งมีกำไรสุทธิเท่ากับ 34.64 ล้านบาท ประมาณ 95.18% ผลประกอบการของ CSP ในปี 2548 จะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา และคาดว่ากำไรในปีหน้าน่าจะดีขึ้น และยอดขายน่าจะเติบโตขึ้นประมาณ 15 — 20 %
"รายได้หลักของบริษัทมาจากรายได้จากการขายสินค้าให้ลูกค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งมีอัตรากำไรเฉลี่ยสูงกว่าลูกค้ากลุ่มอื่น ๆ และเป็นอุตสาหกรรมที่ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 30 ของยอดขาย รองลงมาได้แก่รายได้จากการขายให้ลูกค้าซึ่งเป็นกลุ่มผู้ค้าส่งเหล็กคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 26 ตามด้วยการขายให้แก่กลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 15 และ ร้อยละ 12 ของยอดขาย ส่วนที่เหลือก็จะเป็นการขายให้ลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมท่อเหล็กและถังเหล็ก ประมาณร้อยละ 9 นอกจากนี้ บริษัทยังมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีกำไรสูงขึ้น เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ของบริษัท คือ ท่อเหล็กรีดเย็นซึ่งได้เริ่มรับรู้รายได้แล้วในไตรมาสที่ 4 ของปี 2548 นี้” นายวีรศักดิ์กล่าว
นายวีรศักดิ์กล่าวต่อไปว่า “ กลยุทธ์ของบริษัทในปี 2549 นั้น จะเน้นเพิ่มกำลังการผลิตท่อเหล็กรีดเย็น เพื่อให้มีผลิตภัณฑ์ต่างๆครอบคลุมตามความต้องการของลูกค้ามากขึ้น รวมทั้งเน้นในเรื่องการบริการตรวจสอบด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าอย่างทั่วถึง และยังมุ่งขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ขณะเดียวกัน ตนยังมั่นใจว่าแนวโน้มของธุรกิจเหล็กในปีหน้ายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไปโดยเฉพาะในปีหน้า เนื่องจากมีเมกะโปรเจ็คหรือโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่หลายโครงการที่เกิดขึ้นในปีหน้าใช้เหล็กในการก่อสร้างเพื่อความสะดวกรวดเร็ว เช่น สะพานข้ามแยกต่างๆ ในส่วนของอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและบรรจุภัณฑ์ นั้น คาดว่าจะยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน
นายวิเชียร เอื้อสงวนกุล ตำแหน่งผู้ช่วยกรรรมการผู้จัดการ บริษัท หลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินได้กล่าวถึงจุดแข็งของบริษัท ซีเอสพี สตีลเซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)ว่าบริษัทมีจุดแข็งที่สามารถจำแนกได้คือ
1.) รายได้จากการให้บริการของบริษัทมีความแน่นอนและต่อเนื่อง จากการที่บริษัทมีลูกค้ากระจายอยู่ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่น ๆ ทำให้ช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะอุตสาหกรรมของกลุ่มลูกค้า เช่น ในช่วงที่ภาวะอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าประสบปัญหาหรือช่วงที่อุตสาหกรรมก่อสร้างซบเซา ทางบริษัทก็ยังคงสามารถรักษาระดับรายได้ของบริษัทไว้ได้อย่างต่อเนื่องจากลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น ๆ
2.) มีศักยภาพในการเติบโต ตลอดจนมีความสามารถในการทำกำไรสูง จากการขยายกำลังการผลิต และการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งได้แก่ ท่อเหล็กรีดเย็น ซึ่งมีอัตรากำไรที่สูงกว่าสินค้าเดิมของบริษัท โดยบริษัทมีฐานลูกค้าทั้งจากกลุ่มลูกค้าเดิม และจะทำการขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับการช่วยแนะนำจากกลุ่มลูกค้าเดิมของบริษัทที่รู้จักและเชื่อมั่นในสินค้าของบริษัทอยู่แล้ว
3.) บริษัทเป็นผู้นำในการให้บริการ โดยบริษัทใช้เครื่องจักรที่ทันสมัย ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์จึงทำให้มีความเที่ยงตรงและแม่นยำสูง อันเป็นปัจจัยสำคัญของผลิตภัณฑ์เหล็กรีดเย็นซึ่งเป็นสินค้าที่ต้องการความสวยงามและประณีตย่างมาก และมีกำลังการผลิตที่เพียงพอที่จะรองรับความต้องการและความหลากหลายของลูกค้า โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทได้สร้างความเชื่อมั่นต่อลูกค้าในเรื่องของคุณภาพและการให้บริการเสมอมา
“ในส่วนของโครงสร้างผู้ถือหุ้นนั้น หลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป แล้ว กลุ่มครอบครัวชัยสุพัฒน์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ จะถือหุ้นในบริษัท ร้อยละ 75.20 จากเดิมร้อยละ 94.00 โดยหุ้นทั้งหมดในส่วนของผู้ถือหุ้นเดิมนี้จะติด Silent Period ทั้งหมด เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนว่าผู้ถือหุ้นเดิมจะไม่ขายหุ้นทั้งแน่นอน”นายวีรศักดิ์กล่าว
อนึ่ง บริษัท ซีเอสพี สตีลเซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) CSP ก่อตั้งเมื่อปีพุทธศักราช 2535 และแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2548 ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 500 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิม 400 ล้านหุ้น และหุ้น IPO จำนวน 100 ล้านหุ้น โดยมีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ :
เจดับบลิวที พับลิค รีเลชั่นส์,เจดับบลิวที ประเทศไทย
คุณวงจันทร์ ตั้งทรงศักดิ์ และคุณประสิทธิ์ กฤษฎาอริยชน
โทร.0-2204 — 8221 และ 0-2204 -8216 หรือ 0-9127-2089 และ 0-1586-2813--จบ--
- ธ.ค. ๒๕๖๗ CSP มีลุ้นรับงานเหล็กสำหรับทำเสา 4G หลังรู้ผลผู้ชนะประมูลคลื่นความถี่ พร้อมความต้องการใช้เหล็กปรับเพิ่มขึ้นตามนโยบายขยายโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ
- ธ.ค. ๒๕๖๗ ข่าวซุบซิบ: หุ้นปันผลงาม กำไรโต
- ธ.ค. ๗๙๙๐ ภาพข่าว: ผู้ถือหุ้น CSP อนุมัติแจกปันผลหุ้นละ0.16 บาท พร้อมจัดสรรกำไรสุทธิเป็นทุนสำรอง 8 ล้านบาท