อันดับเครดิตของ ASP สะท้อนถึงเครือข่ายธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์และธุรกิจวาณิชธนกิจในประเทศของ ASP ที่แข็งแกร่ง รวมทั้งสถานะเงินทุนและสภาพคล่องที่มั่นคงของบริษัท แม้ว่า ASP ยังคงพึ่งพารายได้จากธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์เป็นหลัก บริษัทได้ทำการขยายธุรกิจใหม่รวมถึงธุรกิจบริหารสินทรัพย์และจัดการการลงทุน ธุรกิจการลงทุนและที่ปรึกษาทางการเงิน ในขณะที่ความเสี่ยงทางด้านเครดิตและด้านการดำเนินงานของ ASP ยังคงอยู่ในระดับที่ไม่สูง ความเสี่ยงจากความผันผวนในตลาดได้เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจาก ASP มีธุรกิจการลงทุนสำหรับตัวบริษัทเองที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น ปัจจัยลบต่อแนวโน้มอันดับเครดิตจึงอาจเกิดจากความเสี่ยงของ ASP ที่สูงขึ้น
ในปี 2551 ASP มีกำไรสุทธิ 210.7 ล้านบาท ลดลง 53% จากปีก่อนเนื่องจากรายได้จากธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์และกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์ได้ลดลงอย่างมาก จากการที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ได้ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ได้มีการปรับขึ้นอย่างมากตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2552 ซึ่งช่วยให้ผลประกอบการของ ASP ในเก้าเดือนแรกของปี 2552 ปรับตัวดีขึ้น โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 85% จากปีก่อนเป็น 364.2 ล้านบาท เนื่องจากกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นหลัก ROAA ต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 9.9% ในเก้าเดือนแรกของปี 2552 จาก 4.4% ในปี 2551 ในขณะที่ ROAE ต่อปี ได้ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 13.3% จาก 5.9% รายได้จากธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ยังคงเป็นสัดส่วนใหญ่ของโครงสร้างรายได้ โดยมีสัดส่วน 61% ของรายได้ทั้งหมดในเก้าเดือนแรกของปี 2552
ณ สิ้นเดือนกันยายน 2552 สินเชื่อเพื่อการซื้อหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็น 934 ล้านบาท หรือ 25% ของส่วนของผู้ถือหุ้น จาก 470 ล้านบาท หรือ 14% ของส่วนของผู้ถือหุ้น สินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงมาอยู่ที่ 70 ล้านบาท (2.7% ของสินเชื่อรวม) ณ สิ้นเดือนกันยายน 2552 ซึ่งอยู่ในระดับที่ต่ำ สภาพคล่องของ ASP ลดลงเล็กน้อย โดยสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่อสินทรัพย์รวมลดลงเหลือ 46% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2552 จาก 60% ณ สิ้นปี 2551 เนื่องจากการเติบโตของสินเชื่อเพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ แต่สัดส่วนสภาพคล่องของ ASP ยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับคู่แข่ง การจัดหาเงินทุนยังคงอาศัยส่วนทุนเป็นหลักเนื่องจากบริษัทไม่มีหนี้สินที่เกิดจากการกู้ยืม อย่างไรก็ตาม หากบริษัทมีการเข้าซื้อกิจการอื่น อาจทำให้ต้องมีการกู้ยืมในอนาคต เงินกองทุนของ ASP มีคุณภาพสูงและอัตราส่วนของเงินกองทุน (NCR) ยังคงแข็งแกร่งอยู่ที่ระดับ 182% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2552 อัตราส่วนส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์ลดลงเหลือ 66% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2552 จาก 82% ณ สิ้นปี 2551 เนื่องจากการเติบโตของสินทรัพย์
ASP เป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศโดยดูจากส่วนแบ่งทางการตลาด (5.7% ใน 10 เดือนแรกของปี 2552) ปัจจุบัน ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดใน ASP โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น 8.5% แต่ทั้งนี้ BBL มีส่วนร่วมค่อนข้างจำกัดในด้านการทำธุรกิจหรือการบริหาร ASP ผู้บริหารของ ASP ถือหุ้นในสัดส่วน 3%
ติดต่อ นฤมล ชาญชนะวิวัฒน์, Vincent Milton, กรุงเทพฯ +662 655 4763/4759
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ใช้วัดความน่าเชื่อถือของบริษัทในประเทศที่อันดับเครดิตของประเทศนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตระดับเพื่อการลงทุน หรือมีอันดับเครดิตอยู่ในระดับต่ำแม้จะอยู่ในระดับเพื่อการลงทุน อันดับเครดิตของบริษัทที่ดีที่สุดของประเทศจะอยู่ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับบริษัทที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นถูกออกแบบมาเพื่อนักลงทุนภายในประเทศในแต่ละประเทศนั้นๆ และมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับแต่ละประเทศ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นไม่สามารถนำไปใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้
ข้อมูลเพิ่มเติมหาได้ที่ www.fitchratings.com
การใช้อันดับเครดิตที่จัดทำโดยฟิทช์เรทติ้งส์มีข้อจำกัดและขอบเขตการใช้ ซึ่งข้อจำกัดและขอบเขตของการใช้อันดับเครดิตดังกล่าวสามารถหาได้จาก HTTP://FITCHRATINGS.COM/UNDERSTANDINGCREDITRATINGS นอกจากนี้คำจำกัดความของอันดับเครดิตและการใช้อันดับเครดิตของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ สามารถหาได้จาก www.fitchratings.com อันดับเครดิตที่ประกาศ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดอันดับเครดิต ได้แสดงไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าวตลอดเวลา หลักจรรยาบรรณ การรักษาข้อมูลภายใน ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น แนวทางการเปิดเผยข้อมูลระหว่างบริษัทในเครือ กฎข้อบังคับรวมทั้งนโยบายและกระบวนการที่เกี่ยวข้องอื่นๆของฟิทช์ ได้แสดงไว้ในส่วน ‘หลักจรรยาบรรณ’ ในเว็บไซต์ดังกล่าวเช่นกัน ผู้ออกตราสารไม่ได้มีส่วนร่วมในกระบวนการจัดอันดับเครดิต นอกเหนือจากการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะของบริษัทเท่านั้น