การลงทุนในกลุ่ม ปตท. ของอเบอร์ดีนมีเพียง บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม เท่านั้น ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมต้นน้ำ และมีโครงการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุดไม่มาก ดังนั้นเราจึงคาดการณ์ว่าคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดจะมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อรายได้ของ บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม
ในส่วนของ บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย คำสั่งของศาลปกครองสูงสุดมีผลกระทบต่อการลงทุนในศูนย์ปิโตรเคมีแห่งใหม่ของบริษัท แต่โครงการเดิมของบริษัทที่มีอยู่ ซึ่งเป็นการผลิตปิโตรเคมีและวัสดุอื่นๆ เช่น ซิเมนต์ กระดาษ วัสดุก่อสร้าง ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด มูลค่าของศูนย์การผลิตปิโตรเคมีครบวงจรแห่งใหม่นี้ ทั้งหมดอยู่ที่ 2.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และหลังเสร็จสิ้นการก่อสร้างแล้วจะทำให้กำลังการผลิตในการแยกก๊าซเพิ่มขึ้น 58% และผลผลิตปลายน้ำจะเพิ่มขึ้น 50% โครงการดังกล่าวใกล้จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ และพร้อมจะทดลองเดินเครื่อง ก่อนการผลิตเต็มตัวจะเริ่มขึ้นในไตรมาสสองของปี 2553 ดังนั้นเมื่อโครงการใหม่จะต้องล่าช้าออกไป ก็จะไม่มีรายได้เพิ่มขึ้นจากส่วนนี้ในปี 2553 ซึ่งปัจจัยนี้เป็นอุปสรรคระยะสั้นสำหรับ บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย ที่ทำให้ปัจจัยหนุนการเติบโตของรายได้ในปี 2553 ต้องสูญเสียไป อย่างไรก็ตาม อเบอร์ดีนยังคงเชื่อมั่นว่าคณะผู้บริหารของบริษัทจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ และในที่สุดรัฐบาลก็จะออกมาตรการต่างๆตามขั้นตอนและกฎหมายที่จำเป็นต่อไป เป็นที่น่าสังเกตว่า บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย มีประวัติในด้านการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมที่ดี และได้จัดให้มีการดำเนินโครงการตามระเบียบข้อบังคับ รวมถึงได้รับใบอนุญาตผ่านเกณฑ์การประเมินผลกระทบทางสุขภาพด้วย สำหรับอเบอร์ดีน เรายังคงให้ความสำคัญกับศักยภาพการเติบโตในระยะยาวของ บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย เนื่องจากพื้นฐานของบริษัทได้เอื้อประโยชน์ให้แก่ตัวบริษัท ซึ่งเป็นผลจากวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร แนวทางการทำธุรกิจอย่างอนุรักษ์นิยม และประวัติการดำเนินงานที่ดีในธุรกิจหลักของบริษัท อเบอร์ดีนใช้แนวทางการวิเคราะห์กิจการในเชิงอนุรักษ์ เราจึงไม่ได้นำปัจจัยโครงการที่มาบตาพุดมาใช้ในการประมาณการผลประกอบการที่ทำขึ้นภายในของเรา แต่มูลค่าหุ้นของบริษัทในระดับปัจจุบันก็ยังคงสมเหตุสมผล และ บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย ก็จะยังคงเป็นหุ้นหลักที่เราเลือกลงทุน
นอกจาก บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม และ บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย แล้ว อเบอร์ดีนยังได้ลงทุนในหุ้นของ บมจ. จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก ซึ่งมีแหล่งรายรับใหญ่มาจากการขายน้ำดิบให้แก่พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ผลกระทบจากคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดต่อการประกอบกิจการในปัจจุบันของบริษัทมีเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามในอนาคต บริษัทมีทีท่าว่าจะประสบปัญหาการเลื่อนการขายน้ำให้แก่โครงการปิโตรเคมีในพื้นที่ที่ถูกสั่งระงับกิจกรรม
ทั้งหมดนี้ กองทุนตราสารทุนของอเบอร์ดีนยังคงมีการกระจายความเสี่ยงอย่างดี และเราไม่คาดว่าจะมีผลกระทบที่สำคัญจากคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดในกรณีมาบตาพุดอีก ในช่วงขึ้นปีใหม่ 2553 บริษัทต่างๆที่เราถือหุ้นต่างรายงานงบดุลและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งมาก และเราคาดการณ์ว่าบริษัทเหล่านี้จะยังคงมีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ดีต่อไป ความเสี่ยงใหญ่น่าจะมาจากปัจจัยมหภาคมากกว่า เช่น เสถียรภาพของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และการเมืองของไทย ขณะที่ในระดับองค์กร เรายังต้องเฝ้าติดตามตัวเลขรายได้ขององค์กรอย่างใกล้ชิด เนื่องจากในช่วงปี 2553 นี้ ตลาดมีความคาดหวังจากผลการดำเนินงานของบริษัทเหล่านี้ค่อนข้างสูง”
คุณชัยเกษม วัฒนศิริพงษ์ หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า “จากที่คุณอดิเทพได้แสดงความคิดเห็นดังกล่าว จะเห็นได้ว่าไม่มีผลกระทบที่เป็นนัยสำคัญต่อกองทุนตราสารทุนภายใต้การบริหารของอเบอร์ดีน ดังนั้นนักลงทุนที่มีความประสงค์จะลงทุนในกองทุนตราสารทุนของอเบอร์ดีน โดยเฉพาะกองทุนที่สามารถนำไปใช้สิทธิในการหักลดหย่อนภาษี เช่น กองทุนเปิด อเบอร์ดีน หุ้นระยะยาว (ABLTF)
กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมาร์ท แคปปิตอล เพื่อการเลี้ยงชีพ (ABSC-RMF) และกองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมาร์ท อินคัม เพื่อการเลี้ยงชีพ (ABSI-RMF) นักลงทุนสามารถทยอยลงทุนในกองทุนทั้ง 2 ประเภทดังกล่าวได้ แต่หากนักลงทุนท่านใดยังคงไม่มั่นใจในตลาดไทย และไม่ได้ต้องการลงทุนในกองทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี ท่านสามารถเลือกลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศของอเบอร์ดีน เช่น กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล อีเมอร์จิ้ง โกรท ฟันด์ (ABGEM) หรือ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิค
เอคควิตี้ ฟันด์ (ABAPAC) ที่มีการกระจายการลงทุนไปยังหลายๆ ประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ และภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค ยกเว้น ประเทศญี่ปุ่น”
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่แผนกลูกค้าสัมพันธ์ โทร.0-2352-3333
กัลยาวดี ทัดเทียมเพชร โทร. 0-2352-3382
Head of Client Services
จิรชยา ลาภถาวรเกียรติ โทร. 0-2352-3387
Assistant Manager
คำเตือน :
ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
การลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรก
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและคู่มือภาษีก่อนการตัดสินใจลงทุน