พหลโยธิน - นายวรวัจน์ สุวคนธ์ กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ (IB) บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KS เปิดเผยถึงงานในด้านวาณิชธนกิจว่า ในปี 2552 ที่กำลังจะหมดปีนั้น บริษัทสามารถปิดดีลได้ทั้งหมด 5 ดีล โดยเป็นดีลในหลายกลุ่มธุรกิจอันได้แก่ ประกัน อีเลคโทรนิคส์ ลีสซิ่ง การเกษตร และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง
ทั้งนี้ สาเหตุหนึ่งที่ทำให้บริษัทมีงานด้านวาณิชธนกิจเข้ามาอย่างต่อเนื่อง มาจากผลสำเร็จของดีลที่ผ่านมา โดยเฉพาะดีลการเข้าจดทะเบียน 2 ตลาดหลักทรัพย์ (Dual listing) ครั้งแรกในไทย-ของ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) พร้อมกับการเพิกถอน บมจ. ยูไนเต็ด คอมมูนิเคชั่น (UCOM) จากการเป็นบริษัทจดทะเบียน และด้วยจำนวนงาน M&A ที่มีมากขึ้น ส่งผลให้การจัดอันดับล่าสุดตาราง M&A League ของ Bloomberg ปี 2009 นั้น KS สามารถคว้าอันดับ 4 ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 8.79 % แต่เมื่อเทียบการจัดอ ันดับเฉพาะบริษัทหลักทรัพย์ไทย KS จะขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 2
สำหรับงาน M&A ใหญ่ที่สุดของปี ได้แก่ ดีลที่ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ซื้อหุ้นเพิ่มใน บจ. เมืองไทย กรุ๊ป โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บจ. เมืองไทยประกันชีวิต โดยดีลนี้นับได้ว่าเป็นหนึ่งในดีลการควบรวมกิจการของอุตสาหกรรมประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย มีมูลค่าการควบรวมกว่า 7,500 ล้านบาท โดย KBANK ได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน บจ. เมืองไทย กรุ๊ป โฮลดิ้ง จากเดิมร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 51 เพื่อตอบโจทย์การเป็นยูนิเวิลด์แซล แบงก์กิ้ง หรือ ธนาคารครบวงจร ของธนาคาร โดย บล. กสิกรไทย ได้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาการเงินของ K BANK ในดีลการควบรวมครั้งนี้ โดยให้คำแนะนำ ทั้งในเรื่อง โครงสร้างการทำรายการ การประเมินมูลค่ากิจการ การปฏิบัติตามกฏหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเจรจาสัญญากับกลุ่มผู้ถือหุ้นรายอื่นของ บจ. เมืองไทย กรุ๊ป โฮลดิ้ง ด้วย
สำหรับ บจ. เมืองไทย กรุ๊ป โฮลดิ้ง นั้น เป็นบริษัท โฮลดิ้งที่ถือหุ้น บจ. เมืองไทยประกันชีวิต ในสัดส่วนร้อยละ 75 โดย ที่ผ่านมา KBank ได้มีความร่วมมือในการขายประกันผ่านช่องทางธนาคาร (Bancassurance) กับ บจ. เมืองไทยประกันชีวิต ที่ประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในปัจจุบัน บจ. เมืองไทยประกันชีวิตมีส่วนแบ่งการตลาดโดยรวมสูงเป็นลำดับที่ 3 ของอุตสาหกรรม การเพิ่มสัดส่วนการลงทุนของ KBank จะทำให้ความร่วมมือระหว่างทั้งสององค์กรในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งเปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญในด้านการลงทุนและบริหารสินทรัพย์ รวมถึงการพัฒนาศักยภาพพื้นฐานขององค์กรเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของ บจ. เมืองไทยประกันชีวิต เพื่อเสริมสร้างรากฐานในการผู้นำในตลาดธุรกิจประกันชีวิตต่อไปในอนาคต
นายวรวัจน์กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผลงานด้าน M&A ที่โดดเด่นอีกงานของบริษัทในปี 2552 คือ การเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้แก่บริษัท เอ็มเอฟจี โซลูชั่น จำกัด ในการเข้าซื้อหุ้น บมจ. เอสวีไอ จาก H&Q Asia Pacific ในสัดส่วน 62.94% มูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,228 ล้านบาท โดยนับเป็นดีล Management Buyout แรกของบริษัทจดทะเบียนในไทยที่มีแหล่งเงินทุนสนับสนุนจากธนาคารพาณิชย์ไทย โดย บล. กสิกรไทย ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคารกสิกรไทย ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้ให้แก่บริษัท เอ็มเอฟจี โซลูชั่น จำกัด เพื่อเข้าซื้อหุ้นเอสวีไอ โดยดีลนี้เป็นอีกหนึ่งบทพิส ูจน์ของกลุ่มธนาคารกสิกรไทยในการเป็นกลุ่ม Universal bank ชั้นนำของเมืองไทย ขณะเดียวกัน ดีลดังกล่าว เป็นงานที่โปร่งใส ยุติธรรม และมีความเป็นธรรมาภิบาล โดยได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นรายย่อย และเป็นข้อตกลงที่พอใจด้วยกันทั้ง 2 ฝ่ายระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายหุ้น แม้จะอยู่ในช่วงของวิกฤตเศรษฐกิจก็ตาม
ฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
โทร : 0- 2696-0017