แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า ปี 2553

จันทร์ ๑๔ ธันวาคม ๒๐๐๙ ๑๕:๑๕
ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย โดยนายนิทัศน์ ภัทรโยธิน กรรมการและผู้จัดการ ได้แถลงถึงผลการดำเนินงานที่ผ่านมาและแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทยปี 2553

โดยผลการดำเนินงานในปี 2552 ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันมีปริมาณการซื้อขายโดยรวมเฉลี่ยต่อวัน (จนถึงเดือนพฤศจิกายน) ประมาณ 886 สัญญาต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปี 2551 ซึ่งอยู่ที่ 601 สัญญาต่อวัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 47.44 แต่หากพิจารณาถึงปริมาณการซื้อขายครึ่งปี พบว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2552 อยู่ที่ 390 สัญญาต่อวัน เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2551 ประมาณ 577 สัญญาต่อวัน อันเป็นผลมาจากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำ ในขณะที่ครึ่งปีแรกของปี 2551 เกิดวิกฤตอาหารโลกทำให้มีผู้เข้ามาซื้อขายข้าวจำนวนมาก สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2552 ปริมาณการซื้อขายได้มีการขนยายตัวอันเป็นผลมาจากการประมูลข้าวในสต๊อกรัฐบาล ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 1,400 สัญญา เพิ่มขึ้นจากตอนต้นปีร้อยละ 259 และเมื่อเทียบกับครึ่งปีหลังของปี 2551 ที่มีการซื้อขายประมาณวันละ 632 สัญญาแล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 121.5 โดยปริมาณการซื้อขายสูงสุดในปี 2552 คือวันที่ 29 ต.ค. 2552 อยู่ที่ 11,943 สัญญา

ในการดำเนินงานที่สำคัญในปี 2552 AFET ได้เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการให้รัฐบาลใช้กลไกการซื้อขายล่วงหน้าในการระบายสินค้าในสต๊อกรัฐบาล โดยตั้งแต่เดือนสิงหาคมจนถึงปัจจุบันได้มีการระบายข้าวขาว 5% และข้าวหอมมะลิ จำนวนมากกว่า 700,000 ตัน อันเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจในทางปฏิบัติให้แก่ภาครัฐ และผู้ประกอบการต่างๆในวงการค้าข้าวให้เข้าใจถึงกลไกการป้องกันความเสี่ยงโดยการใช้สัญญาล่วงหน้าใน AFET นอกจากนี้ยังได้มีการปรับปรุงเงื่อนไขในข้อกำหนดการซื้อขายมันสำปะหลังเส้นล่วงหน้าเพื่อให้เหมาะแก่การที่รัฐจะใช้ในการระบายสต๊อกมันสำปะหลังที่มีอยู่

สำหรับในด้านการจัดการให้เกิดความสะดวกในการซื้อขายล่วงหน้า AFET ได้ปรับปรุงเงื่อนไขต่างๆ ที่อาจจะเป็นอุปสรรคหรือคอขวด (Bottle neck) ที่เกี่ยวข้องกับการขำระราคาให้มีความยืดหยุ่นแก่นายหน้าซื้อขายล่วงหน้าเพื่อที่จะสามารถรองรับปริมาณการซื้อขายล่วงหน้าที่มากขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความรู้ ความเข้าใจในการซื้อขายล่วงหน้า AFET ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการจัดงาน AFET Futures Trading Challenge และการจัดอบรมสัมมนาต่างๆ รวมตลอดถึงการเผยแพร่ราคายางพาราไปยังตลาดกลางที่หาดใหญ่ สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช เพื่อให้ผู้ที่เข้าประมูลทราบถึงราคาล่วงหน้าของตลาดยางพาราทั้งในและต่างประเทศ ประกอบการตัดสินใจซื้อขายในตลาดจริง

สำหรับในปี 2553 AFET มีแนวทางในการพัฒนาโดยการดูแลปรับปรุง ข้อกำหนดการซื้อขายล่วงหน้าสินค้าที่มีอยู่แล้วให้ตรงกับความต้องการของผู้ซื้อผู้ขายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นยางพารา ข้าว หรือมันสำปะหลัง ในส่วนของสัญญาล่วงหน้าใหม่นั้นขณะนี้กำลังพิจารณาถึงการนำข้าวเปลือกมาใช้ในการซื้อขายล่วงหน้า รวมทั้งการจัดทำให้มีการซื้อขายล่วงหน้าที่มีการส่งมอบ FOB นอกจากนี้ AFET ยังได้มีการประสานงานกับทางสำนักงาน ก.ส.ล. ในการร่วมกันพัฒนาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มเติมในปี 2553 เช่น ยางแท่ง น้ำตาล และเอทานอล ซึ่ง AFET เห็นว่าสินค้าเหล่านี้น่าจะเป็นสินค้าที่มีศักยภาพสูงในการซื้อขายล่วงหน้า

ด้านการขยายฐานลูกค้า ในปัจจุบันพบว่าผู้ประกอบการสินค้าเกษตรมีความคุ้นเคยกับการซื้อขายล่วงหน้ามากขึ้น ซึ่งเกิดจากการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันโครงการการประมูลข้าวในสต๊อกรัฐบาลโดยอิงราคา AFET ของรัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์ นับเป็นกลไกสำคัญในการให้ภาครัฐและเอกชนหันมาใช้ตลาดล่วงหน้าในการป้องกันความเสี่ยง ประกอบกับนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้มีความหลากหลายในการใช้เครื่องมือในการลงทุนอย่างครบวงจรไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในสินค้าทางการเงินและสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อจัดสรรพอร์ตการลงทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้น AFET จะได้มีการขยายฐานลูกค้าในประเทศทั้งในระดับผู้ประกอบการและนักลงทุนให้เข้ามาใช้ AFET ให้มากขึ้น ทั้งนี้จากการที่มีภาครัฐเข้ามาใช้ประโยชน์ในการซื้อขายล่วงหน้าใน AFET AFET จึงได้จัดเตรียมการศึกษาเพื่อจัดทำ Business Model ให้กับหน่วยงานภาครัฐที่จะเข้ามาใช้ประโยชน์จาก AFET มากขึ้น นอกจากนี้ AFET จะได้ขยายฐานผู้ซื้อ-ผู้ขายต่างประเทศซึ่งในช่วงปี 2552 ที่ผ่านมาได้แสดงความสนใจในสินค้าหลายชนิดของ AFET ให้เข้ามาซื้อขายล่วงหน้าให้มากขึ้นด้วย

การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารนับเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลเกี่ยวกับอุปสงค์และอุปทานของสินค้าที่เกี่ยวข้องและมีผลต่อราคา ซึ่งในเรื่องนี้ AFET ได้มีการเตรียมการร่วมกับสมาคมผู้ประกอบการบางรายแล้ว ในการสร้างต้นแบบของการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่จะเป็นประโยชน์แก่นักลงทุนและผู้ประกอบการในการติดตามสถานการณ์ของตลาดสินค้าเกษตรแต่ละชนิดอย่างใกล้ชิด

ยุทธศาสตร์ที่กล่าวมาข้างต้นจะเป็นตัวกำหนดแผนการทำงานของ AFET ในปี 2553 ที่จะกระตุ้นให้การซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้ามีความเติบโต สามารถบรรลุเป้าหมายได้ในช่วงที่เศรษฐกิจของโลกกำลังมีการฟื้นตัว ที่จะส่งผลให้ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าเป็นที่จับตามองของนักลงทุนและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาใช้ประโยชน์จาก AFET ได้ตามความต้องการของแต่ละบุคคล

ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

คุณอิสราพร กิจไพฑูรย์

ฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์

ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET)

โทร 0-2263-9888 โทรสาร 0-2251-9535

หรือ www.afet.or.th

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO