นายนิทัศน์ กล่าวว่า “ วันนี้บรรยากาศการซื้อขายยางมีความคึกคักมาก ราคายางมีความร้อนแรงพุ่งสูงขึ้นชนเพดานอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวันนับตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.และมีการปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจนกระทั่งถึงวันนี้ โดยการปรับตัวของราคาได้รับอิทธิพลจากการปรับตัวของราคาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพเศรษฐกิจของโลกได้มีการฟื้นตัว ส่งผลให้เศรษฐกิจในประเทศจีนขยายตัวขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ของจีนมีการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ประกอบกับการกรีดยางของภาคใต้ยังไม่ดีเท่าที่ควร ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง จากสาเหตุน้ำท่วมพื้นที่ภาคใต้ในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ในปี 2510 ประเทศจีนจะมีการปรับลดภาษีการนำเข้ายางแผ่นรมควันชั้น (Rubber Smoked Sheet) จาก 2,600 หยวน/เมตริกตัน เป็น 1,600 หยวน/เมตริกตัน ( คิดเป็น 38 %) ทำให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนคาดการณ์ว่าจีนจะมีการนำเข้ายางจากไทยมากขึ้น ซึ่งผลของปัจจัยดังกล่าวทำให้ราคายางล่วงหน้าใน AFET ปรับตัวสูงขึ้นทันที ส่งผลให้ราคา AFET ในวันที่ 16 ธ.ค. และวันนี้ 17 ธ.ค.ปรับสูงขึ้นชนเพดานโดยราคาชนเพดานสำหรับเดือนส่งมอบกุมภาพันธ์ 53 ถึงเดือนส่งมอบกรกฎาคม 53 จำนวน 6 เดือน โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 3.00 บาท/กิโลกรัม หรือคิดเป็นมูลค่า 15,000 บาท/สัญญา และ 3.75 บาท/กิโลกรัม หรือคิดเป็นมูลค่า 18,750 บาท/สัญญา ตามลำดับ ซึ่งสอดคล้องกับราคาในตลาดต่างประเทศ และคาดว่าในช่วงเวลานี้ปริมาณการซื้อขายยางจะมีการปรับตัวสอดรับกับปัจจัยในขณะนี้
สัญญายางแผ่นรมควันชั้น 3 เป็นสัญญาที่มีราคาเคลื่อนไหวขึ้นลงตามปัจจัยที่กระทบอุปสงค์และอุปทานของตลาดโลกอย่างแท้จริง แสดงให้เห็นถึงการสะท้อนราคาซื้อขายล่วงหน้าตามข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยต่างๆของตลาดได้เป็นอย่างดี นอกจากยางพาราแล้วสินค้าข้าวก็ได้มีการเคลื่อนไหวของราคาตามปัจจัยที่มีผลต่ออุปสงค์และอุปทานทั้งภายในและภายนอกประเทศไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน การเคลื่อนไหวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้การซื้อขายใน AFET มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง นักลงทุนและผู้ประกอบการสินค้าทั้งในและต่างประเทศ ควรติดตามราคาในช่วงนี้อย่างใกล้ชิด” นายนิทัศน์ กล่าวในที่สุด
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
คุณอิสราพร กิจไพฑูรย์
ฝ่ายการตลาด
ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET)
โทร 0-2263-9888, 0-2251-9535 มือถือ 081-862-2247
หรือ www.afet.or.th