สืบเนื่องจากสำนักงาน ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษนายสมพงษ์ นางสาวนิภาพร และผู้ที่เกี่ยวข้อง กรณีทุจริตต่อทรัพย์สินของ SECC พร้อมทั้งมีคำสั่งอายัดทรัพย์สินของบุคคลดังกล่าวเป็นเวลา 180 วัน และศาลอาญาได้มีคำสั่งให้ขยายระยะเวลาอายัดทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดในคดีออกไปอีก 180 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 3 มกราคม 2553
ส่วนกรณีนายสุริยา สำนักงาน ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษนายสุริยา และผู้ที่เกี่ยวข้องกรณียักยอกทรัพย์สินของบริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พร้อมทั้งมีคำสั่งอายัดทรัพย์สินของบุคคลดังกล่าวเป็นเวลา180 วัน และศาลอาญาได้มีคำสั่งให้ขยายระยะเวลาอายัดทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดในคดีออกไปอีก 180 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 7 มีนาคม 2553
หลังจากนั้น สำนักงาน ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษนายสมพงษ์ นายสุริยา นางสาวนิภาพร และนายสมชายเพิ่มเติม ในฐานะตัวการที่กระทำการทุจริตหรือผู้สนับสนุนการทุจริตใน SECC และ SECC Holding ในอีก 5 ประเด็น ได้แก่ การยักยอกเงินผ่านการให้กู้ยืมของ SECC Holding การยักยอกเงินฝากของSECC Holding การยักยอกเงินจากบัญชีจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ SECC การยักยอกชุดจดทะเบียนรถยนต์ และการตบแต่งบัญชีรายได้ค่าขายรถยนต์ของ SECC
เนื่องจากคำสั่งอายัดทรัพย์สินเดิมของนายสมพงษ์ นางสาวนิภาพร และนายสุริยา ใกล้จะครบอายุประกอบกับการกระทำความผิดของบุคคลทั้ง 3 รายดังกล่าว มีลักษณะอันอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ของประชาชน จึงมีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้กระทำความผิดทั้ง 3 ราย จะยักย้ายหรือจำหน่ายทรัพย์สินของตนหลังครบกำหนดเวลาอายัดทรัพย์สินเดิม ส่วนกรณีนายสมชาย มีพฤติกรรมหลบหนี และการกระทำความผิดของนายสมชายเป็นความผิดที่กระทบต่อประโยชน์ของประชาชน จึงมีเหตุอันควรเชื่อว่านายสมชายจะยักย้ายหรือจำหน่ายทรัพย์สิน ดังนั้น สำนักงาน ก.ล.ต. ด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ก.ล.ต. จึงมีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินของบุคคลทั้ง 4 รายดังกล่าว เป็นเวลา 180 วันโดยกรณีนายสมพงษ์ และนางสาวนิภาพร ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2553 กรณีนายสุริยา ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2553 และกรณีนายสมชาย ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2552 เป็นต้นไป