นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงผลการเดินทางไปชักจูงการลงทุนใน 3 ประเทศสำคัญของกลุ่มสหภาพยุโรป ได้แก่ เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และอิตาลี ว่า ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย เนื่องจากบริษัทชั้นนำที่ได้พบปะหารือได้ยืนยันที่จะใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตต่อไป รวมทั้งแสดงความสนใจที่จะขยายการลงทุนในอนาคตด้วย
โดยในส่วนของการชักจูงการลงทุนที่ประเทศเยอรมนี บริษัทผู้ผลิตรถยนต์และผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ชั้นนำ ต่างแสดงความสนใจจะเข้ามาลงทุนในไทย อาทิ บริษัทบอชมีความสนใจลงทุนด้านการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ เนื่องจากมองว่าไทยมีศักยภาพในด้านทรัพยากรธรรมชาติที่มีแสงแดดตลอดทั้งปี รวมทั้งได้รับทราบจากคณะฯ ว่าประเทศไทยมีแผนระยะยาวในด้านการส่งเสริมให้เกิดการใช้พลังงานทดแทน
ส่วนบริษัท บีเอ็มดับเบิ้ลยู มีแผนที่จะพัฒนาด้านรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์ในปัจจุบันอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี และมีความสนใจจะขยายตลาดในประเทศไทยและในอาเซียน โดยเฉพาะรถยนต์รุ่นซีรีส์เจ็ด ซึ่งได้รับความนิยมสูงสุด ซึ่งแผนการลงทุนในอนาคตของบีเอ็มดับเบิ้ลยูนั้น จะมีการหารือกับบีโอไอต่อไป
ในขณะที่บริษัท เมอร์เซเดส เบนซ์ ก็มีนโยบายด้านการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมและมีการผลิตด้านรถขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ และมีความสนใจที่จะเข้ามาขยายตลาดในประเทศไทยด้วย
ส่วนบริษัท ออดี้ โฟล์คสวาเก้น ก็สนใจที่จะจัดซื้อชิ้นส่วนยานยนต์ที่ผลิตในประเทศไทย เพราะมีความมั่นใจว่าชิ้นส่วนรถยนต์ที่ผลิตจากประเทศไทยมีคุณภาพสูงเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ
สำหรับกิจกรรมพบปะหารือของกระทรวงอุตสาหกรรมกับบริษัทชั้นนำของเยอรมนีนั้น พบว่า กลุ่มบริษัทผู้ผลิตแผงพลังงานแสงอาทิตย์สนใจเข้ามาลงทุนในไทยในลักษณะการบริหารระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ส่วนบริษัทผู้ผลิตกรอบแว่นตาของเยอรมนี ซึ่งมีการลงทุนในประเทศไทยอยู่แล้ว ก็มีแผนที่จะขยายการลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น และบริษัทผู้ผลิตเรือขนส่งสินค้าก็สนใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทย และมีความสนใจร่วมมือกับประเทศไทยในการพัฒนาบุคลากรทางด้านอุตสาหกรรมการเดินเรือ
นายชาญชัยกล่าวถึงผลการเดินทางไปชักจูงการลงทุนที่ประเทศอิตาลีว่า จากการพบปะหารือบริษัทดาเนียเล่ ผู้ผลิตเครื่องจักร อุปกรณ์และโลหะ ซึ่งได้เข้ามาลงทุนในไทยแล้ว ยืนยันว่ายังคงใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญในภูมิภาคเอเชีย และได้ปรับเพิ่มเป้าหมายยอดการส่งออกสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยจากมูลค่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และบริษัทยังมีนโยบายขยายการลงทุนเพิ่มในไทยอีกด้วย
ส่วนการหารือกับบริษัทชั้นนำในสวิตเซอร์แลนด์ พบว่า บริษัทผู้ดำเนินการวางท่อขนส่งสินค้าและระบบรางในการถ่ายสินค้าสนใจจะลงทุนในไทย และบริษัทผู้ให้บริการด้านการบริหารจัดการขนส่งมวลชนทางเรือ รถบัส รถเมล์ ก็แสดงความสนใจเข้ามาลงทุนในไทยเช่นกัน