๑. ศาลปกครองกลาง นัดนั่งพิจารณาคดีครั้งแรกในคดีหมายเลขดำที่ ๙๘๔/๒๕๕๑ ระหว่าง นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ที่ ๑ กับพวกรวม ๑๓ คน (ผู้ฟ้องคดี) กับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศที่ ๑ กับพวกรวม ๒ คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) ในคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เวลา ๑๐.๐๐ น. ณ ห้องพิจารณาคดี ๘ ชั้น ๓ อาคารศาลปกครอง
(คดีนี้ ผู้ฟ้องคดีที่ ๑ รวมกับพวกอีก ๑๓ คน ฟ้องว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้เห็นชอบร่างคำแถลงการณ์ร่วมรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา กรณีการขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกพร้อมแผนที่แนบท้าย ซึ่งเสนอและจัดทำขึ้นโดยรัฐบาลกัมพูชา และได้มอบหมายให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ลงนามในคำแถลงการณ์ดังกล่าว ซึ่งเป็นการสละสิทธิในข้อสงวนที่ประเทศไทยจะเอาปราสาทพระวิหารกลับคืนมาในอนาคตและยอมรับว่าปราสาทพระวิหาร เป็นของประเทศกัมพูชาอย่างสมบูรณ์ อีกทั้งเป็นการยอมรับในแผนที่ที่กำหนดแนวเขตที่จัดทำโดยเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของกัมพูชา ซึ่งผู้ฟ้องคดีเห็นว่าเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ ประเทศไทย จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครอง โดยขอให้ศาลเพิกถอนการกระทำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่เสนอร่างคำแถลงการณ์ร่วมต่อคณะรัฐมนตรี และเพิกถอนมติคณะรัฐมนตรีที่เห็นชอบร่างคำแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว
ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งที่ ๕๔๗/๒๕๕๑ ลงวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๕๑ โดยมีคำสั่งยืนตามศาลปกครองชั้นต้น ให้มีการกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา ซึ่งศาลได้พิเคราะห์เห็นว่า หากผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง ดำเนินการใดๆ ที่เป็นการอ้างหรือใช้ประโยชน์จากมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๑ ที่เห็นชอบกับแถลงการณ์ร่วมไทย — กัมพูชา ก็จะมีผลเสียหายและมีผลกระทบต่อประเทศชาติโดยรวมและสิทธิของประชาชนได้ จึงมีเหตุเพียงพอที่จะกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษาไว้ต่อไปจนกว่าจะมีคำพิพากษาเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น อันจะเป็นประโยชน์ต่อความมั่นคงของประเทศและประชาชนโดยรวม คำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น ศาลปกครองสูงสุด เห็นพ้องด้วย)
๒. ศาลปกครองกลาง นัดอ่านคำพิพากษาคดีในคดีหมายเลขดำที่ ๑๕๖๙/๒๕๔๒ ระหว่าง นางกุหลาบ เหรือบสุวรรณ์ ที่ ๑ กับพวกรวม ๒๐๘ คน (ผู้ฟ้องคดี) กับ นายกรัฐมนตรี ที่ ๑ กับพวกรวม ๘ คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) เรื่องคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการละเลยต่อหน้าที่ ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ
เวลา ๑๓.๓๐ น. ณ ห้องพิจารณาคดี ๑๓ ชั้น ๓ อาคารศาลปกครอง
(คดีนี้ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ กับพวกรวม ๒๐๘ คนฟ้องว่า การที่ผู้ถูกฟ้องคดี ที่ ๑ กับพวกรวม ๘ คน ทำการโอนขายทรัพย์สินของโรงงานสุราบางยี่ขันแห่งที่ ๒ ให้แก่บริษัท สุราบางยี่ขัน จำกัด โดยมีข้อตกลงให้รับพนักงานและลูกจ้างของโรงงานสุราเดิมไปเป็นพนักงานของบริษัทที่รับโอนกิจการ แต่บริษัทที่รับโอนกิจการไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง โดยไม่รับผู้ฟ้องคดีเข้าปฏิบัติงานในบริษัทใหม่ ซึ่งผู้ฟ้องคดีได้เคยนำมูลคดีนี้ยื่นฟ้องต่อศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับฟ้อง เป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหายจึงนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครอง)
สำนักงานศาลปกครอง
กลุ่มสื่อมวลชนสัมพันธ์ สำนักประชาสัมพันธ์
อาคารศาลปกครอง เลขที่ ๑๒๐ หมู่ ๓ ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ๑๐๒๑๐
โทร. ๐๒ ๑๔๑ ๑๑๖๗-๘ โทรสาร ๑๒ ๑๔๓ ๙๘๐๖
สายด่วนศาลปกครอง ๑๓๕๕ www.admincourt.go.th