อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการชี้สุดท้ายการศึกษาต้องไปอยู่ที่ท้องถิ่น

จันทร์ ๐๔ มกราคม ๒๐๑๐ ๑๑:๓๔
รศ. ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ระบุ การจัดการศึกษาโดยท้องถิ่นในประเทศไทยไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เกิดขึ้นยาก เพราะศธ.คิดว่าทำได้ดีกว่า เชื่อองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เข้มแข็งมีศักยภาพให้ประโยชน์กับคนท้องถิ่นได้ชัดเจน

รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ หัวหน้าคณะทำงานปฏิรูปการศึกษาเพื่อสุขภาพภาวะคนไทย (ปศท.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ บรรยายพิเศษเรื่อง “การปฏิรูปการศึกษาเพื่อสุขภาวะของเยาวชนไทย: ท้องถิ่นจัดการศึกษาประชาชนได้อะไร” ที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ โดยชี้ให้เห็นจุดอ่อนจุดแข็งของการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในประเทศไทยที่เกิดขึ้นด้วยความยากลำบาก พร้อมมองว่า ในอนาคตการจัดการศึกษาโดยท้องถิ่น เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

รศ. ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ กล่าวว่า การจัดการศึกษาโดยท้องถิ่น สำหรับในประเทศไทยไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เกิดขึ้นด้วยความยากลำบาก เพราะกระทรวงศึกษาธิการคิดว่าตนเองทำได้ดีกว่า มีเครือข่ายและระบบการบริหารงานที่ใหญ่ มี 185 เขตการศึกษา มีงบประมาณ 3 แสนล้านบาท มากที่สุด

สำหรับ จุดแข็งของการจัดการศึกษาของอปท. นั้นเกิดขึ้นได้เพราะโรงเรียนมีขนาดเล็ก จำนวนโรงเรียนต่างๆ ที่ต้องดูแลมีจำนวนน้อยกว่าเขตพื้นที่การศึกษา ทำให้การบริการมีประสิทธิภาพสามารถจัดการหลักสูตรสะท้อนความต้องการของท้องถิ่นได้ดีกว่า และมีทรัพยากรท้องถิ่นสนับสนุน ทั้งเงินอุดหนุนจากภาษีโรงเรือนและที่ดิน ภาษีบำรุงท้องที่ หรือคนที่อยู่ในท้องถิ่นที่ร่วมสนับสนุน ที่สำคัญเห็นผลกลับมาจากการดำเนินงานได้ชัด เร็วกว่า

ส่วนจุดอ่อนของอปท. แต่ละแห่งมีทรัพยากรไม่ทัดเทียมกัน มีระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจไม่เหมือนกัน บางแห่งมีทรัพยากรมากก็ได้รับเงินอุดหนุนมาก ส่งผลให้คุณภาพและมาตรฐานโรงเรียนแตกต่างกัน ในอนาคตหากทำให้เป็นโรงเรียนของอปท.ได้แล้ว ปัญหาที่ต้องแก้ไขคือทำอย่างไรให้มาตรฐานโรงเรียนมีคุณภาพใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะความต่อเนื่องการสนับสนุนการศึกษาท้องถิ่น ที่เชื่อมโยงกับการเมือง นายกองการบริหารส่วนจังหวัด นายกเทศมนตรี ต้องเห็นความสำคัญของการศึกษา มิเช่นนั้นเมื่อเปลี่ยนทีม มองเห็นเรื่องการศึกษาแตกต่างกันไป ที่ทำไว้อาจจะสูญเปล่า

นอกจากนี้ รศ. ดร.วรากรณ์ ยังกล่าวว่า ระบบการศึกษาของไทย มีจุดอ่อน 4 จุด คือ 1.สังคม 2.การปกครอง 3.คุณภาพครู และ 4.คุณภาพคนไทย

“เพราะเนื่องจากความไม่เด็ดเดี่ยวและไม่มีคุณภาพของรัฐบาล เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย และรัฐมนตรีอยู่ตลอดเวลา ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแล้ว 12 คน เฉพาะปีพ.ศ. 2551 ในปีเดียวเปลี่ยนมาแล้ว 4 คน และรัฐบาลไม่สามารถย้ายโอนครู หรือจัดสรรได้เหมือนกระทรวงมหาดไทย ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนครูในบางพื้นที่ และเกินจำนวนในบางพื้นที่ เกิดภาวะเส้นสายในระบบครูอย่างรุนแรง ทั้งในเรื่องการเลือกคน แต่งตั้งคน ในขณะที่คุรุสภาไม่ได้ทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับจริยธรรมของครูหรือมาตรฐานวิชาชีพครูเลย” รศ.ดร.วรากรณ์ กล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version