ก้าวขึ้นสู่ปีที่ 2 “นพ.สุภกร บัวสาย” กับภารกิจขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศไทย

จันทร์ ๐๔ มกราคม ๒๐๑๐ ๑๔:๕๓
นพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หนึ่งในเครือข่ายสถาบันทางปัญญา ให้สัมภาษณ์พิเศษ “ศูนย์ข้อมูลข่าวสารปฏิรูปประเทศไทย” ถึงการขับเคลื่อน “ปฏิรูปประเทศไทย เพื่อสุขภาวะคนไทย” ที่มีเป้าหมายเพื่อร่วมกันหาทางออกให้กับปัญหาวิกฤติของประเทศ ตลอด 1ปีที่ผ่านมา และเป้าหมายต่อไปในอนาคต

เจ้าภาพกิจกรรมทางวิชาการปฏิรูปประเทศไทย

นพ.สุภกร: เคยมีคนถามเหมือนกันว่าตกลงปฏิรูปประเทศไทย ใครเป็นเจ้าของ จะให้ศ.นพ.ประเวศ วะสี เป็นเจ้าของหรือไม่ หมอประเวศ ก็บอกว่าไม่ใช่ เรื่องนี้ถ้าให้ใครเป็นเจ้าของจะมีปัญหา เพราะประเทศไทยไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง เรื่องนี้ถ้าไม่มีใครคนสนใจเราก็เลิก ถ้ามีสนใจเข้าร่วมกันทุกคนก็เป็นเจ้าของร่วมกันไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง ที่ไปที่มาโครงการฯ และความจำเป็นที่จะต้องปฏิรูปประเทศไทย

นพ.สุภกร: โครงการปฏิรูปประเทศไทยได้เกิดขึ้นมาเพราะหลายๆคนคิดตรงกันว่า บ้านเมืองกำลังเจอปัญหาที่ลำบาก หลายปีที่ผ่านมาเชื่อว่าหลายๆคนคงคิดตรงกันเมื่อมีความยากลำบากย่ำแย่หาทางออกไม่ได้แล้วใครจะหาทางออกได้บ้าง ซึ่งมีอยู่แนวคิดหนึ่งคือไปหาผู้มีอำนาจหรือว่ารัฐบาลที่น่าจะเข้ามากอบกู้สถานการณ์สร้างความสมานฉันท์ จากที่ผ่านมาก็เห็นแล้วว่ารัฐบาลมีข้อจำกัด คนที่อยู่ในวงการการเมืองเองมีข้อจำกัด ต่างก็พยายามทำในสิ่งที่ทำได้ แต่ก็ไม่เห็นทางออก

โชคดีในช่วงปีเศษที่ผ่านมาเหตุการณ์ในภาพใหญ่ของบ้านเมืองลดความรุนแรงลง แต่ไม่ได้หมายความว่าปมปัญหาทั้งหลายของชาติได้รับการแก้ไขคลี่คลายลงไป ทบทวนดูแล้วสิ่งที่เป็นสาเหตุหรือปัญหาของทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ปัญหาการเมือง ปัญหาของนักการเมืองไม่ได้จำเป็นเสมอไปที่จะตรงกับปัญหาที่ประชาชน สังคมกำลังเดือดร้อนอยู่ ตรงนี้มีความผูกพันกับโครงสร้างความขัดแย้งกับสังคมมากกว่าแค่การเมือง

ตอนแรกก็ตั้งวงคุยกันเล็กๆโดยหมอประเวศ ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่หลายคนเคารพนับถือ คุยว่าถ้าจะปฏิรูปการเมืองครั้งใหม่หรือครั้งที่ 3 ถ้าเราไปบอกว่า ปฏิรูปการเมือง คือ ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ก็หมายความว่าทำไปแล้ว 2 ครั้ง ถ้าจะทำครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 จะได้ผลหรือไม่ จึงเห็นตรงกันว่า ถ้ามีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่คงไม่แตกต่างจากเดิมเท่าไหร่ ปฏิรูปการเมืองโดยรัฐธรรมนูญคงจะไม่ใช่ทางออกและผู้มีอำนาจก็อาจจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้เสมอไป จากกลุ่มคนที่ได้พูดคุยปรึกษาคิดว่าคงต้องเชิญหมอประเวศ มาเป็นผู้ใหญ่เป็นประธานเสวนาน่าจะดีเพราะมีคนจำนวนไม่น้อยที่เคารพนับถือจากคุยกันทุก 2 สัปดาห์ในช่วงระยะเวลาเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา มีคนให้ความสนใจที่จะเข้าร่วมประชุมมากขึ้น

1 ปีที่ได้มีการทำงานขับเคลื่อนอะไรไปแล้วบ้าง

นพ.สุภกร: สำหรับวัตถุประสงค์ที่วางไว้ในปีแรก คือ เรื่องการปฏิรูปประเทศไทยมีคนให้ความสนใจและเข้ามาร่วมเสวนาร่วมคุยกัน ถือได้ว่าประสบความสำเร็จในขั้นหนึ่ง ทุกครั้งที่ประชุมจะเป็นเรื่องที่มีความสำคัญระดับชาติ บางเรื่องก็ไม่ใช่เรื่องที่นักการเมืองสนใจมากนัก เพราะไม่ได้หยิบยกปัญหาทางการเมืองมาแต่หยิบปัญหาที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน

ตอนที่คุยกันครั้งแรกๆ มีความเห็นที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความสนใจผู้ที่มาคุย คนที่เข้ามาเป็นกลุ่มแรกๆ คือ กลุ่มคนที่มาจากสถาบันการศึกษา นักวิชาการ หลังจากนั้นจะมีผู้นำชุมชน ผู้ที่ปฏิบัติงานในท้องถิ่น ผู้เชี่ยวชาญ หัวหน้าเครือข่าย ผู้แทนเครือข่ายต่างๆ ซึ่งมีความหลากหลายมากขึ้น จึงยากที่จะฟันธงว่าจะคุยประเด็นปฏิรูปเรื่องอะไร ดังนั้นหมอประเวศจึงวางโครงไว้ให้ว่าน่าจะคุยกัน 10 เรื่องใหญ่นี่คือมิติหนึ่งว่ากำลังปฏิรูปอะไร

โจทย์ใหญ่และสำคัญของการปฏิรูปประเทศไทย

นพ.สุภกร: หมอประเวศได้ใช้รูปพระเจดีย์ขึ้นมาเป็นภาพให้เห็นว่า การปฏิรูปประเทศไทยควรให้ความสำคัญ 3 ระดับด้วยกัน ได้แก่ ตัวฐานของพระเจดีย์ คือ องค์กร ชุมชนต่างๆ ประชาชน องค์พระเจดีย์ คือ การเชื่อมโยงระบบต่างๆ และยอดเจดีย์ คือ จิตสำนึกของประชาชนแต่ละคน

ขั้นตอนแรกต้องทำความรู้ให้มีความชัดเจนก่อน ในช่วงแรกจะมีงานวิชาการเข้ามาเป็นองค์ประกอบสำคัญ จากนั้นก็ขยายความรู้ไปสู่การมีส่วนร่วมของบุคคลที่เกี่ยวข้องแต่ละเรื่องทั้ง10 เรื่อง ความรู้ความเข้าใจของคนที่สนใจจะนำไปสู่การผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงการตัดสินในระดับรัฐบาลหรือรัฐสภาต่อไป แต่ตรงนั้นยังไปไม่ถึงส่วนนี้เรียกว่าองค์พระเจดีย์

ส่วนที่จะปฏิรูปต่อไปคือฐานพระเจดีย์ ประชาชนที่อยู่ตามท้องถิ่นชุมชนต่างๆ ตรงนี้ในปีแรกยังลงไปไม่ถึงมากนัก แต่ว่าได้เริ่มและมีการทำงานในท้องถิ่นหลายกรณี เช่น การฟังเสียงประชาชนโดยกระบวนการประชาเสวนา หรือ Citizen Dialogue เป็นกระบวนการที่เน้นคุณภาพการฟังเสียงประชาชนให้ชัดเจนมากกว่าเรื่องการสำรวจโพล มีการแลกเปลี่ยนกันในวงเสวนา เป็นกระบวนการลงไปทำงานกับประชาชนในท้องถิ่น หรือบางเรื่องก็เริ่มทำในระดับจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรประชาชนแล้ว

ถ้าเราปฏิรูปเฉพาะตัวระบบตัววิชาการมาผลักดัน ชวนนักการเมืองมาทำใช้อำนาจรัฐมาผลักดันก็ไม่ยั่งยืน การเข้าไปร่วมงานให้เกิดประเด็นปฏิรูปในพื้นที่ เช่น อาจจะไปชวนตั้งคำถามว่าจะทำให้จังหวัดของแต่ละคนน่าอยู่ที่สุดจะทำอย่างไร คำถามอย่างนี้ถ้าทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมช่วยกันตอบ มีวิสัยทัศน์เพื่อจะให้จังหวัดของเขาเป็นอย่างไรก็จะเกิดการเรียนรู้มีทิศทางร่วมกัน เมื่อเอาทุกจังหวัดรวมกันทั้ง 76 จังหวัดก็คือประเทศไทย นี่คือโจทย์ใหญ่ของการปฏิรูปว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยน่าอยู่ที่สุด

อีกระดับหนึ่งคือ ยอดเจดีย์ ซึ่งก็คือจิตสำนึกของประชาชน จากที่ได้เสวนาร่วมลงมือทำถ้าไม่ซึมลึกลงไปในจิตสำนึกก็ไม่เกิดสัมมาทิฐิ คือ อยากให้คนอื่นมาทำให้แต่ตัวเองไม่รู้ว่าจะปฏิรูปอย่างไรต้องเปลี่ยนแปลงความคิดอย่างไร ถ้าทำให้คนไทยส่วนใหญ่ได้กลับมาถามตัวเองว่า ถ้าจะทำให้ประเทศไทยน่าอยู่ที่สุดตัวเองจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร จะทำให้การปฏิรูปครบทั้ง 3 ระบบ ทั้งระดับฐาน องค์พระเจดีย์ และยอดเจดีย์

วางเป้าหมายการขับเคลื่อนในปี 2553 อย่างไร

นพ.สุภกร:ปี 2553 จะเพิ่มเรื่องของความเข้มข้นในระดับของฐานพระเจดีย์มีการทำงานกับพื้นที่ต่างๆมากขึ้น ทั้ง10 ระบบคงมีความก้าวหน้าถึงแนวทางของการปฏิรูป มีทิศทางของแต่ละระบบมากขึ้นพอเกิดความพร้อมทั้งหลาย การรณรงค์ของจิตสำนึกก็จะเป็นขั้นตอนต่อไป

ส่วนสาเหตุที่ไม่เอาเรื่องการรณรงค์มาทำก่อน เพราะว่าการรณรงค์โดยการใช้สปอร์ตโฆษณาต่างๆหรือสื่อเป็นหลักมีให้เห็นมากแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่า การไปลงทุนทางด้านสื่อการทำสปอร์ตโฆษณาไม่ดี แต่จะทำอย่างไรทั้งที่จิตสำนึกของจริงไม่มีก็จะไม่เกิดผล ก็ได้เตรียมการให้คนที่ทำงานด้านการปฏิรูปในระบบต่างๆ มีตัวมีตนจริง มีการขับเคลื่อนความก้าวหน้าไปพอสมควร เมื่อถึงตอนนั้นการรณรงค์ด้านจิตสำนึกก็ทำได้โดยที่มีของจริงมีคณะทำงานของแต่ละเรื่องจริงมีชุมชนขานรับ นี่คือขั้นตอนต่อไป

ปฏิรูปประเทศไทยทั้ง 10 โจทย์ใหญ่ จะใช้เวลากี่เดือนกี่ปี

นพ.สุภกร: ถ้าถามว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่ ก็ไม่ได้นึกถึงมิติของเวลา เรื่องนี้ก็ทำไปได้เรื่อยๆ มีบางท่านในที่ประชุมพูดเล่นๆว่า น่าจะใช้เวลา 10 ปี แต่ 10 ปีไม่ได้หมายความว่าไม่เห็นผลอะไรเลย แต่ความสำเร็จจะทยอยออกมา ทั้งนี้ การทำงานต่อเนื่อง 10 ปีไม่ได้หมายความว่าผลจะเกิดขึ้นในวันสุดท้ายของ 10 ปี จะมีกระบวนการที่ดำเนินการต่อเนื่องต่อไปน่าจะไม่น้อยว่า 10 ปี

หมอหมอประเวศ ได้ยกตัวอย่างเล็กๆให้เห็นว่า อย่างการรณรงค์การไม่สูบบุหรี่ มีคนทำงานไม่กี่คนและแต่ละคนไม่ได้ใหญ่โต ไม่ได้มีอำนาจ แต่ได้ทำงานอย่างทุ่มเทกับเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่องและเห็นความก้าวหน้ามาโดยตลอด เชื่อว่ากระบวนการวิธีทำงานแบบนี้ก็น่าจะใช้ได้กับการปฏิรูปประเทศไทย ถ้ามีการทำงานแบบนี้อีกประมาณ 20-30 กลุ่มน่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่น้อย

(ภาพจาก: http://www.oknation.net/blog/abccalo/2007/11/21/entry-2 )

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๕ พ.ย. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป เปิดตัว HOP NextGen ชวนนักศึกษาเยี่ยมชม ฮ็อป อินน์ เรียนรู้เทคนิคบริการแบบ Consistency is Yours พร้อมพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่
๑๕ พ.ย. คิง เพาเวอร์ ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี เปิดแคมเปญ THE POWER OF FUNTASTIC CELEBRATION 2025 ฉลองทุกความสุข สนุกไม่รู้จบ
๑๕ พ.ย. พันธุ์ไทย ชวนแฟนด้อม คัลแลนและพี่จอง จุ่ม การ์ดพันธุ์ไทยใจฟู ลิมิเต็ด อิดิชั่น
๑๕ พ.ย. BAM ทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ DIGITAL ENTERPRISE ตอกย้ำผู้นำ AMC ยุค 4.0 วางเป้าหมายยกระดับองค์กรสร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน เตรียมส่ง อิสระ เดอะซีรีส์ ชวนลูกหนี้ BAM
๑๕ พ.ย. บางจากฯ ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนอันดับสูงสุดของโลก จาก SP Global 2024 ในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil Gas Refinery and
๑๔ พ.ย. ซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล ออกบูธให้ความรู้เรื่องการใช้งานระบบดับเพลิงนร. พระหฤทัยนนทบุรี
๑๒ พ.ย. พนักงานซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล รับรางวัลเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานดีเด่น
๑๕ พ.ย. PROSPECT REIT ชูไตรมาส 3/67 โตเกินเป้า อัตราการเช่าพุ่งนิวไฮ หนุนจ่ายปันผลเด่น 0.2160 บาท
๑๕ พ.ย. CHAO ประกาศงบ Q3/67 กำไรพุ่งกว่า 62% รับตลาดส่งออกพีค จีนโตเด่น แย้ม Q4 เดินหน้าบุกตลาดในประเทศ สินค้าใหม่หนุนยอดขายปลายปี
๑๕ พ.ย. ฉลองเทศกาลลอยกระทงประจำปี 2567 ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ