นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยมีนโยบายสนับสนุนโครงการที่ประหยัดพลังงานหรือใช้พลังงานทางเลือก เพื่อร่วมกันปกป้องสิ่งแวดล้อม และลดปัญหาโลกร้อน โดยล่าสุดธนาคารได้ให้การสนับสนุนทางการเงินจำนวนรวม 1,100 ล้านบาท แก่บริษัท โซล่า เพาเวอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในการดำเนินโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
สำหรับการให้การสนับสนุนทางการเงินครั้งนี้จะเป็นเงินกู้โครงการ (Project Finance) มาตรฐานระดับสากล ซึ่งประกอบด้วยวงเงินเพื่อนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ วงเงินกู้ระยะยาว พร้อมทั้งวงเงินอื่น ๆ เพื่อบริหารโครงการ อาทิ วงเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน จำนวนรวมกว่า 1,100 ล้านบาท โดยโครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากทางภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ
ทั้งนี้ การผลิตไฟฟ้าของบริษัท โซล่า เพาเวอร์ นับเป็นโครงการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่โครงการแรกของประเทศไทย ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ น้ำมันเตา ที่ต้องนำเข้าเชื้อเพลิงส่วนหนึ่งจากต่างประเทศ ในขณะที่การใช้พลังงานน้ำจากเขื่อนต้องอาศัยความเพียงพอและต่อเนื่องของปริมาณน้ำ และมีข้อจำกัดในการขยายการผลิตด้วยการสร้างเขื่อนแห่งใหม่ ดังนั้นการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการผลิตไฟฟ้าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้พลังงานหมุนเวียนจากธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุด ช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าแก่ประเทศในระยะยาว เนื่องจากประเทศไทยอยู่ในเขตร้อนจึงมีพลังงานแสงอาทิตย์ใช้ได้ไม่จำกัดอย่างต่อเนื่องเกือบตลอดทั้งปี
ด้านนางสาววันดี กุญชรยาคง กรรมการผู้จัดการ บริษัท โซล่า เพาเวอร์ จำกัด กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายให้กระทรวงพลังงานและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เข้าร่วมส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน จึงทำให้บริษัทมุ่งมั่นที่จะผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าด้วยระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งถือเป็นพลังงานสะอาด ปราศจากมลพิษ มีศักยภาพสูง และมีความมั่นคงจากแหล่งพลังงานที่เป็นพลังงานธรรมชาติ โดยมีเป้าหมายและกลยุทธ์ขึ้นเป็นผู้นำในการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย ด้วยแผนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 34 แห่ง มีกำลังการผลิตไฟฟ้าได้รวมกว่า 200 เมกะวัตต์
ขณะนี้บริษัทได้ก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรกที่อำเภอโนนสูง นครราชสีมา เสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมดำเนินการผลิตกระแสไฟฟ้าได้ในเดือนมีนาคมนี้ ด้วยกำลังการผลิต 5.88 เมกกะวัตต์ โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จะรับซื้อกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งหมด ทำให้โครงการมีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากมีแหล่งรับซื้อพลังงานที่แน่นอน
นายประสาร กล่าวตอนท้ายว่า ธนาคารมีเป้าหมายที่จะเป็นอันดับหนึ่ง ในการสนับสนุนทางการเงินแก่ธุรกิจที่ใช้พลังงานหมุนเวียนด้วยส่วนแบ่งตลาด 30% ซึ่งนอกจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แล้ว ยังรวมถึงพลังงานหมุนเวียนประเภทอื่น ๆ เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานลมและโรงไฟฟ้าชีวมวล
ธนาคารกสิกรไทยได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินสำหรับโครงการพลังทางเลือก (Renewable Energy) ขนาดใหญ่หลายโครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมเชิงพาณิชย์แห่งแรกในประเทศ ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่จังหวัดลพบุรี ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2554 โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และโรงไฟฟ้าชีวมวลอีกหลายโครงการด้วย
ส่วนประชาสัมพันธ์ ธนาคารกสิกรไทย
1 ซอยกสิกรไทย ราษฎร์บูรณะ
กทม.10140
โทร.0 2470 2650-8