จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นสูงสุดในรอบ 14 เดือน นับจากเดือน ต.ค. 51 โดยล่าสุด (วันที่ 8 ม.ค. 53) ราคาน้ำมันดิบดูไบขึ้นมาอยู่ที่ 80.68 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล น้ำมันสำเร็จรูปเบนซินอยู่ที่ 89.10 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 88.52 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยน้ำมันสำเร็จรูปเบนซิน และดีเซล ได้ปรับตัวสูงขึ้นมาจากต้นสัปดาห์อีก 2.11 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ 3.55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ตามลำดับ ซึ่งจากการปรับขึ้นราคาขายปลีกครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 53 ที่ผ่านมานั้น ยังไม่ส่งผลให้ค่าการเฉลี่ยในภาพรวมดีขึ้น เนื่องจากค่าการตลาดที่ผ่านมาในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่นั้น อยู่ในระดับที่ต่ำต่อเนื่องยาวนาน รวมถึงราคาน้ำมันตลาดโลกยังขยับตัวหนีขึ้นไปอีกอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าการตลาดเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปี 53 ขณะนี้เหลืออยู่เพียง 33 สตางค์/ลิตร เท่านั้น ปตท. จึงจำเป็นต้องปรับราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิด (ยกเว้นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85) ขึ้น 60 สตางค์/ลิตร ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีก ณ สถานีบริการน้ำมัน ปตท. ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 53 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป ราคาเป็นดังนี้
หน่วย : บาท/ลิตร
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 (พีทีที E 85 พลัส) 18.72
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 (พีทีที E 20 พลัส) 30.34
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 95) 32.64
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 (พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 91) 31.84
น้ำมันเบนซิน 91(พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 91) 36.24
น้ำมันไบโอดีเซล (พีทีที B5 พลัส) 27.19
น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (พีทีที เดลต้า เอ็กซ์) 28.59
นายวิทยา กล่าวต่อไปว่า ในระยะสั้นยังคงมีปัจจัยสนับสนุนที่เป็นบวกต่อราคาน้ำมัน โดยต้องติดตามสภาพอากาศ และดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น ตัวเลขค้าส่ง สินเชื่อของผู้บริโภค และ อัตราว่างงาน อย่างใกล้ชิด จึงขอให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้พลังงานอย่างประหยัดและคุ้มค่าที่สุด
ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
โทรศัพท์ 0-2537-2164
โทรสาร 0-2537-2171