นายวิจักร วิเศษน้อย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า จากการที่กระทรวงพาณิชย์ ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการAFTA เพื่อตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับผลกระทบจากการปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2553 นั้น กระทรวงพาณิชย์จึงได้มอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศดำเนินการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ AFTA Hotline 1385 ขึ้น และเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2553 โดยปฏิบัติงานในลักษณะของศูนย์เบ็ดเสร็จครบวงจร ปฏิบัติงานทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ เริ่มตั้งแต่เวลา 08.30 — 16.30 น. แบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่มสายด่วนAFTA (Q & A Unit) ตอบคำถามและรับฟังปัญหา ข้อกังวลที่เกี่ยวข้องกับ AFTA และการเปิดตลาด กลุ่มติดตามและประเมินสถานการณ์ (Monitoring Unit) ติดตามสถานการณ์การนำเข้า — ส่งออก เพื่อแก้ไขปัญหาได้ทันกับเหตุการณ์ กลุ่มให้คำปรึกษาสัญจร (AFTA Mobile Unit) เป็นหน่วยเคลื่อนที่เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและให้คำปรึกษากับผู้ที่เกี่ยวข้อง และกลุ่มมาตรการช่วยเหลือ (Remedy Unit) ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากความตกลง ตลอดจนการเยียวยาผลกระทบและใช้มาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ
ปรากฎว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการ และผู้ที่เกี่ยวข้องทั่วไปโทรศัพท์เข้ามาสอบถาม และติดต่อด้วยตนเองมากกว่า 461 ราย เฉลี่ยวันละ 65 ราย โดยแยกเป็นกลุ่มสินค้าดังนี้
- กลุ่มสินค้าเกษตรภายใต้ AFTA , WTO มากเป็นอันดับหนึ่ง คิดเป็นร้อยละ 11.4
- รองลงมาได้แก่ สินค้าข้าวร้อยละ 10.9
- ปาล์ม น้ำมันปาล์ม ร้อยละ 5.7
- น้ำตาล ร้อยละ 4.7
- สินค้ากลุ่ม Sensitive list ร้อยละ 4.7
- กาแฟ ร้อยละ 4.5
- มันสำปะหลัง ร้อยละ 3.5
- อื่น ๆ ร้อยละ 54.6
ผู้ที่สอบถามเข้ามาแยกเป็นกลุ่มอาชีพ คือ ผู้นำเข้า - ส่งออก ร้อยละ 70.0 ผู้ผลิต ร้อยละ 18.8 อื่น ๆ อาทิ นักวิชาการ นิสิต/นักศึกษา ร้อยละ 11.2 ประเด็นที่สอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับเรื่องอัตราภาษี ร้อยละ 40.6 กระบวนการนำเข้า — ส่งออก ร้อยละ 28.2 การออกหนังสือ/เอกสาร ร้อยละ 17.2 ข้อมูลการตลาด ร้อยละ 10.2 อื่น ๆ ร้อยละ 3.8 และประเมินความพอใจของผู้สอบถาม ร้อยละ 80 พอใจมากถึงมากที่สุด
นายวิจักรฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศมีกำหนดการที่จะเดินทางไปสำรวจผลกระทบจากการเปิดการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ณ บริเวณด่านบ้านคลองลึก อ. อรัญประเทศ จ. สระแก้ว ในวันที่ 20 มกราคม 2553 โดยนำคณะและทีมงานเพื่อซักซ้อมความพร้อมในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งให้คำปรึกษาและช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการให้เป็นไปอย่างทั่วถึง