การระบายข้าวสารในสต็อกของรัฐบาล

จันทร์ ๑๘ มกราคม ๒๐๑๐ ๑๖:๐๓
นายวิจักร วิเศษน้อย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่าสถานการณ์ข้าวโลกในปี 2553 จะมีความตึงตัวเนื่องจากผลผลิตข้าวต่ำกว่าความต้องการบริโภคข้าวซึ่งเป็นผลมาจากหลายประเทศมีผลผลิตข้าวที่ลดลงจากภัยธรรมชาติและต้องการเพิ่มปริมาณสต็อกข้าวภายในประเทศประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มดีขึ้น สำหรับสถานการณ์ข้าวในประเทศผลผลิตข้าวนาปีได้ออกสู่ตลาดแล้วประมาณ 21.20 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็น ร้อยละ 92.28 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด ผลผลิตข้าวนาปรังจะเริ่มออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมากในเดือนเมษายน-มิถุนายน 2553 ในขณะนี้ภาวะตลาดข้าวในประเทศจึงค่อนข้างมีความตึงตัวโดยราคาข้าวในประเทศได้ปรับเพิ่มขึ้นในสัปดาห์แรกของปี 2553 เนื่องจากผู้ส่งออกต้องเร่งจัดหาข้าวเพื่อส่งมอบให้ผู้นำเข้าภายหลังจากเทศกาลปีใหม่ ดังนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จึงได้อนุมัติการระบายข้าวในสต็อกรัฐบาลเพื่อผ่อนคลายความตึงตัวของตลาดข้าวในประเทศและเพื่อตอบสนองความต้องการข้าวของตลาดต่างประเทศรวมทั้งลดภาระค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาข้าวในสต็อกรัฐบาล โดยกรมการค้าต่างประเทศได้ประกาศเชิญชวนให้ผู้สนใจยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวสารเพื่อส่งออกไปต่างประเทศตามเงื่อนไขและรายละเอียด ดังนี้

1. ชนิดและปริมาณข้าวสารที่จะจำหน่าย

(1) ข้าวขาว 5% ตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 นาปี ปี 2551/52 และนาปรัง ปี 2552 ประมาณ 300,000 ตัน

(2) ข้าวเหนียวขาว 10% ตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือก นาปี ปี 2551/52 ประมาณ 75,000 ตัน

2. วิธีการระบาย โดยวิธียื่นซองเสนอราคาซื้อพร้อมทั้งซองเอกสารหลักฐานตามกำหนดเวลา ดังนี้

2.1 ยื่นซองเสนอราคาซื้อและซองเอกสารหลักฐานพร้อมทั้งตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เสนอราคาซื้อ ณ ห้องประชุม 30410 ชั้น 4 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ ในวันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม 2553 เวลา 09.00 น. - 12.00 น.

2.2 ประกาศรายชื่อผู้เสนอราคาซื้อที่มีคุณสมบัติครบถ้วนและเปิดซองเสนอราคาซื้อ ณ ห้องประชุม 30410 ชั้น 4 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ ในวันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม 2553 ตั้งแต่เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป

2.3 คณะทำงานดำเนินการระบายข้าวสารจะเจรจาต่อรองกับผู้เสนอราคาซื้อในวันศุกร์ที่ 22 มกราคม 2553 ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป โดยจะเจรจาต่อรองราคากับผู้เสนอราคาซื้อที่อยู่ในเกณฑ์ราคาเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อให้ได้ราคาที่เป็นประโยชน์ต่อราชการมากที่สุด

3. การเสนอราคาซื้อ ให้เสนอราคาซื้อ ณ หน้าคลังสินค้าที่ขอซื้อ (Ex-warehouse) เป็นเงินบาท โดยให้แจ้งราคาเอฟ.โอ.บี. (FOB.) กรุงเทพฯ หักค่าใช้จ่ายในการขนส่งจากหน้าคลังสินค้าไปยังท่าเรือส่งออกและค่าใช้จ่ายในการส่งออกเพื่อประกอบการพิจารณาด้วย

4. หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการระบาย

4.1 ผู้เสนอราคาซื้อต้องเป็นนิติบุคคลที่มีประวัติการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ส่งออกข้าวกับกรมการค้าต่างประเทศมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี และสำหรับกรณีที่เคยมีประวัติการขึ้นทะเบียนแล้วแต่มาขึ้นทะเบียนใหม่กับกรมการค้าต่างประเทศในปี 2552 ต้องขึ้นทะเบียนเป็นผู้ส่งออกข้าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือนนับจนถึงวันที่ยื่นซองเสนอราคา

ทั้งนี้ ต้องไม่มีประวัติละทิ้งการเสนอราคาซื้อและละทิ้งสัญญาซื้อ-ขายข้าวสารกับทางราชการ รวมทั้งไม่เป็นผู้ทิ้งงานปรากฏตามรายชื่อผู้ทิ้งงานของกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังและต้องไม่มีพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่ามีความสมยอมกันในการเสนอราคาหรือมีการขัดขวางการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม หากปรากฏภายหลังว่าผู้เสนอราคาซื้อรายใดขาดคุณสมบัติให้ถือว่าการเสนอราคาของรายนั้นเป็นโมฆะ

4.2 เสนอราคาซื้อข้าวสารแต่ละชนิดเต็มจำนวนที่เก็บในแต่ละคลังและต้องยืนราคาที่เสนอซื้อเป็นเวลา 20 วันทำการนับแต่วันที่ยื่นซองเสนอราคาซื้อ

4.3 ต้องมีหลักประกันซองเป็นหนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคารหรือตั๋วแลกเงินหรือเช็คธนาคาร ในอัตราร้อยละ 2 ของมูลค่าสินค้าที่ยื่นเสนอราคาซื้อ

4.4 ผู้เสนอราคาซื้อสามารถขอใช้สิทธิดูสภาพข้าวสารในแต่ละคลังสินค้าที่เก็บรักษาได้ หากไม่ขอใช้สิทธิดังกล่าวถือว่าผู้เสนอราคายอมรับสภาพข้าวสารที่เสนอราคาโดยไม่โต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น

4.5 ผู้เสนอราคาซื้อที่ได้รับการคัดเลือกจะต้องทำสัญญาซื้อขายข้าวสารกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) หรือ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ภายใน 10 วันนับนับแต่วันที่กรมการค้าต่างประเทศแจ้งผลเป็นลายลักษณ์อักษร และวางหลักประกันเงินสดหรือเป็นหนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคารหรือเช็คธนาคารในอัตราร้อยละ 5 ของมูลค่าข้าวสารที่ได้ตกลงซื้อขาย

4.6 ชำระเงินค่าสินค้าก่อนรับมอบในแต่ละครั้งเป็นเงินสดหรือเช็คธนาคาร ทั้งนี้ต้องชำระเงินค่าสินค้าครั้งแรกภายใน 15 วันนับแต่วันที่ลงนามในสัญญาซื้อขาย

4.7 ผู้ซื้อต้องรับภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดจากการรับมอบและขนย้ายแต่เพียงฝ่ายเดียวและจะต้องเริ่มรับมอบและขนย้ายข้าวสาร ภายใน 3 วันทำการ นับแต่วันที่ชำระเงินในแต่ละคราว โดยผู้ซื้อต้องรับมอบและขนย้ายให้เสร็จสิ้นภายในช่วงเวลาที่กำหนด

4.8 ผู้ซื้อต้องดำเนินการส่งออกข้าวสารที่ซื้อทั้งหมดไปนอกราชอาณาจักรภายใน 45 วันนับแต่วันรับมอบข้าวสาร

ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศได้กำหนดจัดให้มีการประชุมเพื่อชี้แจงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต็อกรัฐบาลดังกล่าวในวันอังคารที่ 19 มกราคม 2553 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุม 1601 ชั้น 16 กรมการค้าต่างประเทศ พร้อมกับได้มีหนังสือแจ้งผู้สนใจทั่วไป โรงสี บริษัทผู้ส่งออกและสมาคมที่เกี่ยวข้องรวมทั้งเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของกรมการค้าต่างประเทศ www.dft.moc.go.th ให้ทราบโดยทั่วกันแล้ว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version