สรุปภาพรวมตลาดตราสารหนี้ไทยปี 2552 และแผนงาน ThaiBMA ในปี 2553

ศุกร์ ๒๒ มกราคม ๒๐๑๐ ๑๕:๒๘
สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยแจงอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้ในปี 2552 ตลาดตราสารหนี้ไทยคึกคัก เห็นชัดจากภาครัฐ และภาคเอกชนมีการระดมทุนด้วยการออกตราสารหนี้อย่างท่วมท้น ควบคู่ไปกับปริมาณการซื้อขายในตลาดรองที่มีปริมาณการซื้อขายปรับตัวเพิ่มขึ้น

นายณัฐพล ชวลิตชีวิน กรรมการผู้จัดการสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของตลาดตราสารหนี้ไทยในปี 2552 ว่า ในปีที่ผ่านมาตลาดตราสารหนี้ไทย ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมีการระดมทุนด้วยการออกตราสารหนี้ใหม่อย่างท่วมท้น ซึ่งหากตัดปริมาณการออกตราสารหนี้ใหม่ของพันธบัตร ธปท. ออก พบว่า มูลค่าการออกตราสารหนี้ใหม่ในปี 2552 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึงร้อยละ 21

กรรมการผู้จัดการ ThaiBMA กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2552 ภาครัฐระดมทุนด้วยการออกพันธบัตรค่อนข้างมาก เพื่อชดเชยงบประมาณขาดดุลจากการระดมทุนสำหรับแผนลงทุนในปีงบประมาณ 2552 ส่งผลให้ปริมาณการออกพันธบัตรรัฐบาลใหม่ในปี 2552 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึงร้อยละ 120 หรือคิดเป็นมูลค่า 501,841.20 ล้านบาท ในขณะที่ภาคเอกชน ทำสถิติใหม่เกินความคาดหมายที่ได้ประมาณการไว้ในช่วงต้นปี 2552 ว่าจะมีหุ้นกู้ออกใหม่เพียง 250,000 ล้านบาท แต่กลับกลายเป็นว่าทั้งปี 2552 ภาคเอกชนออกหุ้นกู้ใหม่สูงเป็นประวัติการณ์ ด้วยมูลค่าการออกสูงถึง 390,858 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึงร้อยละ 50

โดยปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้นให้มีการออกหุ้นกู้ล้นหลามในปีที่ผ่านมานั้นมาจาก อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับความเข้มงวดของธนาคารพาณิชย์ในการปล่อยสินเชื่อภาคธุรกิจ ส่งผลให้ภาคเอกชนหันมาระดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้กันมากขึ้น นอกจากนี้ ในปี 2553 ภาครัฐมีแผนการออกตราสารหนี้ภาครัฐอีกเป็นจำนวนมาก ทำให้ภาคเอกชนที่ต้องการเงินทุนเร่งระดมทุนด้วยการหุ้นกู้ในปี 2552 เพื่อเลี่ยงที่จะต้องไปแย่งกลุ่มนักลงทุนกับตราสารหนี้ภาครัฐในปี 2553

ในส่วนของการซื้อขายในตลาดรองตราสารหนี้ นายณัฐพลกล่าวว่า ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ในปี 2552 หากพิจารณาเฉพาะการซื้อขายตราสารหนี้ที่มีอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป พบว่า การซื้อขายตราสารหนี้ในตลาดรองมีความคึกคักขึ้นกว่าปีก่อนหน้า ถึงกว่าร้อยละ 39 ด้วยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเท่ากับ 8,926 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 6,418 ล้านบาทต่อวันในปี 2551

“หุ้นกู้ภาคเอกชนมีปริมาณการซื้อขายไม่น้อยหน้าเช่นกัน หลังจากนักลงทุนคลายความกังวลเรื่องเศรษฐกิจลงมาบ้าง และเริ่มแสวงหาตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนหันมาลงทุนในหุ้นกู้ภาคเอกชนเพิ่มขึ้น ประกอบกับในตลาดแรก ภาคเอกชนออกหุ้นกู้ใหม่ออกมาอย่างคึกคัก ทำให้นักลงทุนมีตัวเลือกในการลงทุนหุ้นกู้หลากหลายมากขึ้น”

นายณัฐพล ยังกล่าวถึง ความเคลื่อนไหวของเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในปี 2552 ว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2552 นั้น อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุต่ำกว่า 1 ปีลงมา ปรับตัวลดลงตามอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง R/P 1 วัน ซึ่ง ธปท.ได้ประกาศปรับลด R/P 1 วันลงในปี 2552 ถึง 3 ครั้ง ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลอายุ 1 ปีขึ้นไป ได้ผลกระทบจากปัจจัยลบด้านความกังวลเกี่ยวกับอุปทานล้นของพันธบัตรภาครัฐ

ส่วนในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 ปัจจัยด้านการคาดการณ์ของนักลงทุนหลาย ๆ ฝ่ายคาดว่าอัตราดอกเบี้ยน่าจะปรับตัวขึ้นในอนาคตอันใกล้ ควบคู่ไปกับตัวเลขตารางประมูลพันธบัตรรัฐบาลที่ค่อนข้างสูง และแรงซื้อขายของนักลงทุนที่แผ่วลงในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะกลางถึงระยะยาวปรับตัวเพิ่มขึ้น โดย ณ สิ้นปี 2552 เทียบกับ ณ สิ้นปี 2551 อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุต่ำกว่า 1 ปีลงมาปรับตัวลดลงในช่วง -46 ถึง -110 bp ในขณะที่อายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไปปรับตัวเพิ่มขึ้น 19 ถึง 165 bp

นอกจากนี้ นายณัฐพล กล่าวเพิ่มเติมถึงแนวโน้มตลาดตราสารหนี้ในปี 2553 ว่า หุ้นกู้ภาคเอกชน คาดว่าจะมีปริมาณการออกใหม่ลดลงมากพอสมควร โดยมีปัจจัยที่เป็นตัวกระทบ 2 ประการหลักๆ คือ เรื่องของทิศทางดอกเบี้ย ที่คาดว่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในปีหน้า กับเรื่องของการออกพันธบัตรรัฐบาลจำนวนมากของภาครัฐ ซึ่งน่าจะกระทบต่ออุปสงค์ในหุ้นกู้ใหม่ที่จะออกขายไม่มากก็น้อย

นายณัฐพลได้เปิดเผยถึงแผนงานของ ThaiBMA ในปี 2553 นี้ว่าจะยังคงเน้นในภารกิจหลัก 5 ด้าน ได้แก่

1. การทำหน้าที่องค์กรกำกับดูแลสมาชิก (SRO) ในปีนี้จะเน้นเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการรายงานข้อมูลเพื่อให้สมาชิกผู้ค้าตราสารหนี้สามารถส่งข้อมูลเข้ามาได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และพัฒนาระบบฐานข้อมูลธุรกรรมประเภทใหม่ๆ อาทิ Net position ของ Private repo การปรับปรุงแนวทางการตรวจสอบสมาชิกโดยใช้หลักประเมินตามความเสี่ยง รวมถึงทบทวนกฎเกณฑ์ต่างๆที่ไม่สอดคล้องกับแนวปฏิบัติในตลาด

2. การทำหน้าที่ศูนย์ข้อมูลตราสารหนี้ (Bond information) เพิ่มความหลากหลายและความลึกของข้อมูลเชิงวิเคราะห์ และให้บริการ Software ทางการเงินต่างๆ อาทิ i-port, i-solution ซึ่งคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในปีนี้

3. การทำหน้าที่ Bond pricing agency พัฒนา analytical tool ใหม่ๆเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มของบริการ รวมทั้งทบทวนโครงสร้างค่าบริการ mark to market ให้เหมาะสม

4. การพัฒนาตลาดตราสารหนี้ แผนงานหลักในปีนี้คือการผลักดันการพัฒนาตลาด Private repo โดยร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ ธปท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการผลักดันการพัฒนาตลาดพันธบัตรท้องถิ่น

5. การทำหน้าที่ Trade association เพื่อเป็นตัวแทนของสมาชิกผู้ค้าตราสารหนี้ในประเด็นต่างๆ และจัดอบรมให้ความรู้แก่สมาชิกอย่างต่อเนื่อง

“ที่ผ่านมา ThaiBMA เน้นในสองบทบาทหลักที่ได้รับมอบหมายจากทางการคือ การเป็น SRO และ Information center แต่ในปีนี้เราจะเพิ่มในเรื่องของการทำหน้าที่ด้าน Trade association คือเป็นตัวแทนของสมาชิกให้มากขึ้น ในขณะเดียวกันเราก็ยังคงไม่ทิ้งในเรื่องการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ โดยเฉพาะในเรื่องของ Private repo เพราะถือว่ามีความสำคัญมากต่อการส่งเสริมสภาพคล่องของตลาด” นายณัฐพลกล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO