นายณัฐพล ชวลิตชีวิน กรรมการผู้จัดการสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของตลาดตราสารหนี้ไทยในปี 2552 ว่า ในปีที่ผ่านมาตลาดตราสารหนี้ไทย ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมีการระดมทุนด้วยการออกตราสารหนี้ใหม่อย่างท่วมท้น ซึ่งหากตัดปริมาณการออกตราสารหนี้ใหม่ของพันธบัตร ธปท. ออก พบว่า มูลค่าการออกตราสารหนี้ใหม่ในปี 2552 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึงร้อยละ 21
กรรมการผู้จัดการ ThaiBMA กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2552 ภาครัฐระดมทุนด้วยการออกพันธบัตรค่อนข้างมาก เพื่อชดเชยงบประมาณขาดดุลจากการระดมทุนสำหรับแผนลงทุนในปีงบประมาณ 2552 ส่งผลให้ปริมาณการออกพันธบัตรรัฐบาลใหม่ในปี 2552 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึงร้อยละ 120 หรือคิดเป็นมูลค่า 501,841.20 ล้านบาท ในขณะที่ภาคเอกชน ทำสถิติใหม่เกินความคาดหมายที่ได้ประมาณการไว้ในช่วงต้นปี 2552 ว่าจะมีหุ้นกู้ออกใหม่เพียง 250,000 ล้านบาท แต่กลับกลายเป็นว่าทั้งปี 2552 ภาคเอกชนออกหุ้นกู้ใหม่สูงเป็นประวัติการณ์ ด้วยมูลค่าการออกสูงถึง 390,858 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึงร้อยละ 50
โดยปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้นให้มีการออกหุ้นกู้ล้นหลามในปีที่ผ่านมานั้นมาจาก อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับความเข้มงวดของธนาคารพาณิชย์ในการปล่อยสินเชื่อภาคธุรกิจ ส่งผลให้ภาคเอกชนหันมาระดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้กันมากขึ้น นอกจากนี้ ในปี 2553 ภาครัฐมีแผนการออกตราสารหนี้ภาครัฐอีกเป็นจำนวนมาก ทำให้ภาคเอกชนที่ต้องการเงินทุนเร่งระดมทุนด้วยการหุ้นกู้ในปี 2552 เพื่อเลี่ยงที่จะต้องไปแย่งกลุ่มนักลงทุนกับตราสารหนี้ภาครัฐในปี 2553
ในส่วนของการซื้อขายในตลาดรองตราสารหนี้ นายณัฐพลกล่าวว่า ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ในปี 2552 หากพิจารณาเฉพาะการซื้อขายตราสารหนี้ที่มีอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป พบว่า การซื้อขายตราสารหนี้ในตลาดรองมีความคึกคักขึ้นกว่าปีก่อนหน้า ถึงกว่าร้อยละ 39 ด้วยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเท่ากับ 8,926 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 6,418 ล้านบาทต่อวันในปี 2551
“หุ้นกู้ภาคเอกชนมีปริมาณการซื้อขายไม่น้อยหน้าเช่นกัน หลังจากนักลงทุนคลายความกังวลเรื่องเศรษฐกิจลงมาบ้าง และเริ่มแสวงหาตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนหันมาลงทุนในหุ้นกู้ภาคเอกชนเพิ่มขึ้น ประกอบกับในตลาดแรก ภาคเอกชนออกหุ้นกู้ใหม่ออกมาอย่างคึกคัก ทำให้นักลงทุนมีตัวเลือกในการลงทุนหุ้นกู้หลากหลายมากขึ้น”
นายณัฐพล ยังกล่าวถึง ความเคลื่อนไหวของเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในปี 2552 ว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2552 นั้น อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุต่ำกว่า 1 ปีลงมา ปรับตัวลดลงตามอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง R/P 1 วัน ซึ่ง ธปท.ได้ประกาศปรับลด R/P 1 วันลงในปี 2552 ถึง 3 ครั้ง ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลอายุ 1 ปีขึ้นไป ได้ผลกระทบจากปัจจัยลบด้านความกังวลเกี่ยวกับอุปทานล้นของพันธบัตรภาครัฐ
ส่วนในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 ปัจจัยด้านการคาดการณ์ของนักลงทุนหลาย ๆ ฝ่ายคาดว่าอัตราดอกเบี้ยน่าจะปรับตัวขึ้นในอนาคตอันใกล้ ควบคู่ไปกับตัวเลขตารางประมูลพันธบัตรรัฐบาลที่ค่อนข้างสูง และแรงซื้อขายของนักลงทุนที่แผ่วลงในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะกลางถึงระยะยาวปรับตัวเพิ่มขึ้น โดย ณ สิ้นปี 2552 เทียบกับ ณ สิ้นปี 2551 อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุต่ำกว่า 1 ปีลงมาปรับตัวลดลงในช่วง -46 ถึง -110 bp ในขณะที่อายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไปปรับตัวเพิ่มขึ้น 19 ถึง 165 bp
นอกจากนี้ นายณัฐพล กล่าวเพิ่มเติมถึงแนวโน้มตลาดตราสารหนี้ในปี 2553 ว่า หุ้นกู้ภาคเอกชน คาดว่าจะมีปริมาณการออกใหม่ลดลงมากพอสมควร โดยมีปัจจัยที่เป็นตัวกระทบ 2 ประการหลักๆ คือ เรื่องของทิศทางดอกเบี้ย ที่คาดว่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในปีหน้า กับเรื่องของการออกพันธบัตรรัฐบาลจำนวนมากของภาครัฐ ซึ่งน่าจะกระทบต่ออุปสงค์ในหุ้นกู้ใหม่ที่จะออกขายไม่มากก็น้อย
นายณัฐพลได้เปิดเผยถึงแผนงานของ ThaiBMA ในปี 2553 นี้ว่าจะยังคงเน้นในภารกิจหลัก 5 ด้าน ได้แก่
1. การทำหน้าที่องค์กรกำกับดูแลสมาชิก (SRO) ในปีนี้จะเน้นเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการรายงานข้อมูลเพื่อให้สมาชิกผู้ค้าตราสารหนี้สามารถส่งข้อมูลเข้ามาได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และพัฒนาระบบฐานข้อมูลธุรกรรมประเภทใหม่ๆ อาทิ Net position ของ Private repo การปรับปรุงแนวทางการตรวจสอบสมาชิกโดยใช้หลักประเมินตามความเสี่ยง รวมถึงทบทวนกฎเกณฑ์ต่างๆที่ไม่สอดคล้องกับแนวปฏิบัติในตลาด
2. การทำหน้าที่ศูนย์ข้อมูลตราสารหนี้ (Bond information) เพิ่มความหลากหลายและความลึกของข้อมูลเชิงวิเคราะห์ และให้บริการ Software ทางการเงินต่างๆ อาทิ i-port, i-solution ซึ่งคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในปีนี้
3. การทำหน้าที่ Bond pricing agency พัฒนา analytical tool ใหม่ๆเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มของบริการ รวมทั้งทบทวนโครงสร้างค่าบริการ mark to market ให้เหมาะสม
4. การพัฒนาตลาดตราสารหนี้ แผนงานหลักในปีนี้คือการผลักดันการพัฒนาตลาด Private repo โดยร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ ธปท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการผลักดันการพัฒนาตลาดพันธบัตรท้องถิ่น
5. การทำหน้าที่ Trade association เพื่อเป็นตัวแทนของสมาชิกผู้ค้าตราสารหนี้ในประเด็นต่างๆ และจัดอบรมให้ความรู้แก่สมาชิกอย่างต่อเนื่อง
“ที่ผ่านมา ThaiBMA เน้นในสองบทบาทหลักที่ได้รับมอบหมายจากทางการคือ การเป็น SRO และ Information center แต่ในปีนี้เราจะเพิ่มในเรื่องของการทำหน้าที่ด้าน Trade association คือเป็นตัวแทนของสมาชิกให้มากขึ้น ในขณะเดียวกันเราก็ยังคงไม่ทิ้งในเรื่องการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ โดยเฉพาะในเรื่องของ Private repo เพราะถือว่ามีความสำคัญมากต่อการส่งเสริมสภาพคล่องของตลาด” นายณัฐพลกล่าว