โดยในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ IVL ในครั้งนี้ บริษัทฯ จะจำหน่ายหุ้นทั้งหมดประมาณ 1,000 ล้านหุ้น ในราคา 10.20 บาทต่อหุ้น โดยจะเริ่มทำการซื้อขายในช่วงประมาณสัปดาห์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ หุ้นที่ทำการซื้อขายนี้จะรวมถึงหุ้นจากการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์หรือเทนเดอร์ออฟเฟอร์กับบริษัทอินโดรามา โพลีเมอร์ส จำกัด (มหาชน) ด้วย บริษัทฯ จะใช้เงินจากการระดมทุนครั้งนี้สำหรับโครงการขยายธุรกิจในอนาคตและชำระหนี้ระยะสั้น
นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทอินโดรามา เปิดเผยว่า “จากผลประกอบการที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า นับตั้งแต่นำอินโดรามาโพลีเมอร์ส หรือ IRP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อปี 2548 ก็มีการเติบโตขึ้นหลายเท่าตัว บริษัทแม่คือ อินโดรามา เวนเจอร์ส ก็มีการเติบโตมากเช่นกัน เราเห็นว่าบริษัทแม่ก็มีขนาดใหญ่กว่าบริษัทย่อยและจะให้ผลตอบแทนการลงทุนที่ดีกว่าได้ เราจึงได้เสนอที่จะเพิกถอนหุ้นของ IRP ออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และนำอินโดรามา เวนเจอร์ส เข้าจดทะเบียนแทน โดยที่ได้มีการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ให้แก่นักลงทุนรายย่อยของ IRP เพื่อให้ นักลงทุนเหล่านี้ได้มีโอกาสลงทุนในอินโดรามา เวนเจอร์สด้วย
“เรายินดีที่ได้รับการตอบรับดีมากจากนักลงทุนสถาบันไทยและต่างประเทศ โดยมีการแสดงความจำนง จองซื้อหุ้นหรือ Bookbuild สูงเกินจำนวนหุ้นที่จะออกจำหน่าย ในจำนวนนี้มีนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ๆ ของโลกหลายราย ก็ได้แสดงความสนใจจองซื้อหุ้นของอินโดรามาด้วย เราเชื่อว่านี่จะช่วยให้เกิดอุปสงค์ในระดับที่น่าพอใจหลังจากการทำ IPO ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากมีกำไรต่อหุ้นหรือ PE Ratio ในปี 2553 ในระดับ 6.8 เท่าตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นตรงกัน บริษัทฯ เชื่อว่าการตัดสินใจเข้าตลาดฯ ครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะประเทศไทยมีสาธารณูปโภคและวัตถุดิบพร้อมที่จะสนับสนุนการผลิตของเราอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเพราะอินโดรามามีความจริงใจและตั้งใจที่จะดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในระยะยาว” นายอาลกกล่าวเสริม
อินโดรามา ใช้กลยุทธ์การรวมตัวในแนวตั้ง (Vertical Integration) และการมีทีมผู้บริหารที่แข็งแรง เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของบริษัทฯ ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวทำให้บริษัทฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้จากการขยายเพิ่มขึ้นจาก 18,800 ล้านบาทในปี 2549 เป็น 32,300 ล้านบาทในปี 2550 และ 53,300 ในปี 2551 และสำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2552 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2552 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 59,100 ล้านบาท
ปัจจุบัน อินโดรามาเป็นหนึ่งในผู้ผลิตพลาสติก PET, PTA, เส้นใยโพลีเอสเตอร์ และด้ายขนสัตว์รายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และเป็นผู้ที่มีกำลังการผลิต PET เป็นรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ธุรกิจหลักของบริษัทฯ ประกอบด้วยการผลิตผลิตภัณฑ์ PET, PTA เส้นใยโพลีเอสเตอร์ และเส้นด้ายขนสัตว์ บริษัทฯ มีโรงงานผลิตพลาสติก PET 2 แห่งในประเทศไทย 3 แห่งในยุโรป และ 2 แห่งในทวีปอเมริกาเหนือ โดยมีกำลังการผลิตรวม 1.49 ล้านตันต่อปี มีโรงงานผลิต PTA จำนวน 2 แห่งในประเทศไทย และ 1 แห่งในยุโรป มีกำลังการผลิต PTA รวมทั้งสิ้น 1.59 ล้านตันต่อปี ส่วนธุรกิจเส้นใยโพลีเอสเตอร์และเส้นด้ายจากขนสัตว์นั้น บริษัทฯ มีโรงงานผลิต 2 แห่งในประเทศไทย กำลังการผลิตรวม 244,800 ตันต่อปี และโรงงานผลิตด้ายขนสัตว์ 1 แห่ง กำลังการผลิต 5,900 ตันต่อปี
หุ้นของบมจ. อินโดรามา เวนเจอร์ส จะทำการซื้อขายโดยใช้สัญลักษณ์ IVL
หมายเหตุ
ข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารนี้ มิได้มีไว้เพื่อจำหน่ายจ่ายแจกทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม ไปยังหรือภายในประเทศสหรัฐอเมริกา เอกสารนี้ ไม่ได้เป็นการเสนอขายหุ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา และ/หรือไม่มีการจัดจำหน่ายหุ้นของบริษัทฯ ในประเทศสหรัฐอเมริกา และไม่ได้จดทะเบียนในสหรัฐตามกฎหมายหลักทรัพย์ ค.ศ. 1933 ฉบับแก้ไข รวมทั้งกฎระเบียบต่างๆ ตามกฎหมายดังกล่าว บริษัทฯ ไม่ได้มีเจตนาที่จะจดทะเบียนหรือเสนอขายหุ้นใดๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกา
ข้อมูลต่างๆ ในเอกสารนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายหรือขาย หรือการร้องขอให้มีการซื้อ หรือจำหน่ายหลักทรัพย์ดังกล่าว ซึ่งอาจเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย หากกระทำก่อนการได้รับการยกเว้นการจดทะเบียนหรือพิสูจน์คุณสมบัติตามกฎหมายหลักทรัพย์และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
แถลงข่าวในนาม : บมจ. อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด
รายละเอียดเพิ่มเติม : รื่นฤดี ทวีผล
บริษัท โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์ เวิลด์วายด์ จำกัด
โทร. 0 2205 6620
อีเมล์ [email protected]