1. การขอรับใบอนุญาตนำเข้า : ผู้นำเข้าต้องแสดงใบรับรองรายละเอียด ส่วนผสมวัตถุดิบ เคมีภัณฑ์ ต่าง ๆที่ออกให้โดยห้องปฏิบัติการทดสอบของ Central Laboratory Department, หน่วยงาน Municipality ของรัฐสำหรับหน่วยงานของรัฐดูไบให้ติดต่อได้ที่
Head of Food & Environment Laboratory Section
Dubai Central Laboratory Department, Dubai Municipality
P.O. Box 67, Dubai, UAE
Tel: (971) 4-301-1619; Fax: (971) 4-335-8448
E-mail: [email protected] www.dm.gov.ae.
2. ติดฉลากสินค้า : เมื่อได้รับอนุญาตให้นำเข้าแล้ว จะต้องติดฉลากระบุข้อมูลรายละเอียดดังต่อไปนี้
2.1 ชื่อเครื่องสำอาง/ประเทศผู้ผลิต
2.2 ปริมาณสุทธิ/ขนาด/ปริมาตรของสินค้าพร้อมระบุวัสดุ/วัตถุดิบส่วนผสมที่สำคัญ
2.3 วิธีการใช้/คำเตือน/วิธีใช้/วิธีการเก็บรักษา
2.4 วันเดือนปีที่ผลิต/หมดอายุเครื่องสำองหลังเปิดสินค้าใช้ (Period After Opening : PAO)
2.5 ระบุ Batch no.และ Bar Code
2.6 ไม่อนุญาตให้อ้างสรรพคุณของเครื่องสำอางนั้นเทียบเท่ากับยา
2.7 ห้ามใช้รูป/ภาพประกอบล่อแหลมที่ไม่เหมะสมขัดต่อวัฒนธรรม/ขนบธรรมเนียมประเพณี/ และสังคม
3. ภาษีนำเข้า : รัฐบาลรัฐดูไบเก็บภาษีนำเข้าเครื่องสำอางร้อยละ 5 จากราคา C.I.F โดยต้องมี เอกสารประกอบการนำเข้า ได้แก่ INVOICE, CERTIFICATE OF ORIGIN ซึ่งสามารถยื่นขอได้ที่หอการค้าไทย หรือสำนักบริการการค้าต่างประเทศ กรมการค้าต่างประเทศ และจะต้องผ่านการ LEGALIZE จากสถานเอกอัครราชทูตประเทศสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ประจำประเทศไทยเอกสาร BILL OF LADING และ PACKING LIST
4. การให้สิทธิพิเศษทางศุลกากร : ไม่มี
นายวิจักรฯ กล่าวเพิ่มเติมว่าไทยส่งออกเครื่องสำอางไปสหรัฐฯอาหรับเอมิเรตส์มูลค่าเฉลี่ยปีละ 807 ล้านบาท (2549-2551) ในปี 2552 มีมูลค่าการส่งออก 860 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2551 ร้อยละ 0.34 สินค้าเครื่องสำอางที่ส่งออกส่วนใหญ่จะ ได้แก่ เครื่องหอมและสบู่ เครื่องแต่งหน้า และเครื่องสำอางเพื่ออนามัยในช่องปาก โดยมีน้ำหอมเป็นสินค้าที่มีอัตราการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าส่งออกสูงถึงร้อยละ 139
ที่มา : http ://www.depthai.go.th