นายมงคล ลีลาธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2553 นี้ นับเป็นการก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 ของการดำเนินงานบมจ.ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย โดยผลงานในรอบปีที่ผ่านมานั้น ธนาคารฯ ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพ ในการดำเนินธุรกิจและสามารถขยายธุรกิจได้อย่างเข้มแข็งและต่อเนื่องตลอดทั้งปี ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั่วโลก ด้วยการทำรายได้รวมเพิ่มขึ้นถึง 88% โดยมีอัตราขยายตัวของเงินฝากเพิ่มขึ้นกว่า 51% ประกอบไปด้วยลูกค้าที่วงเงินฝากไม่เกิน 10 ล้านบาทถึง 99% เงินฝากเฉลี่ยต่อบัญชี 437,000 บาท ด้านการขยายธุรกิจสินเชื่อเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 72% เมื่อเทียบกับปีก่อน (สิ้นปี 2551) ประกอบไปด้วยลูกค้าที่วงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาทถึง 99% วงเงินสินเชื่อเฉลี่ยต่อบัญชี 200,000 บาท โดยมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ NPL เพียง 1.47%
“การเติบโตที่โดดเด่น อีกทั้งแรงตอบรับจากลูกค้ารายย่อยของธนาคารไทยเครดิตฯ สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์การตลาด นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ และการบริการทางการเงินที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้ารายย่อยได้เป็นอย่างดี เราพอใจกับ ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงแห่งความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน และการแข่งขันที่รุนแรง และ ในปี 2553 นี้ก็ยังเป็นปีที่ท้าทายเช่นเดิม แต่ก็มั่นใจว่าด้วยการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ พนักงานที่มีคุณค่าหลัก (Core Value) ตามที่ธนาคารฯ มุ่งหวัง คือ หัวใจบริการ มีการทำงานเป็นทีม มีความคิดเชิงผู้ประกอบการ คือ มีความคิดริเริ่ม มีความคิดในเชิงผู้บริหาร และมีการบริหารจัดการด้านความเสี่ยงจะทำให้ธนาคารฯ สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง”
นายมงคล กล่าวถึงกลยุทธ์ที่จะขับเคลื่อนธุรกิจให้ได้ตามเป้าหมายโดยเน้นที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย “ใช้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง” ดังนั้นจะเน้นหนักและย้ำในเรื่องการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินในรูปแบบใหม่ๆ ให้กับลูกค้ารายย่อย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปตามภาวะเศรษฐกิจ และสังคมในปัจจุบันนี้เพื่อเพิ่มโอกาส เพิ่มคุณภาพชีวิต เพื่อความสุขทุกช่วงชีวิตของคนไทย โดยที่ผ่านมาธนาคารฯ ได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ด้านเงินฝากที่ได้รับความนิยมจากลูกค้า คือ บัญชีเงินฝากปลอดภาษีดอกเบี้ย 4% บัญชีเงินฝากออมทรัพย์เพิ่มค่า ที่มีความคล่องตัว และให้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าออมทรัพย์ปกติ ลูกค้ารับดอกเบี้ยเข้าบัญชีเป็นรายเดือน สำหรับบริการสินเชื่อที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างดี ได้แก่ สินเชื่อทองแลกเงิน บ้านแลกเงิน รถแลกเงิน และสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สินเชื่อเพื่อคนค้าขายต่อลมหายใจธุรกิจ ตลอดจนสินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ฯลฯ ซึ่งผลิตภัณฑ์ และบริการต่างๆ ของธนาคารฯ มีส่วนช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกค้าให้ดีขึ้น แม้มีหนี้ก็ผ่อนได้แบบสบายใจ
พร้อมกันนี้ในช่วงปีที่ผ่านมา ธนาคารฯ ได้ตอกย้ำเจตนารมณ์การเป็นธนาคารเพื่อรายย่อย ด้วยการเข้าซื้อกิจการของบริษัท ธนบรรณ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ และมีส่วนแบ่งการตลาดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นอันดับที่ 4 เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้ารายย่อย
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2553 นี้ ยังเน้นเรื่องการขยายฐานลูกค้ารายย่อยเป็นหลัก โดยตั้งเป้าขยายสินเชื่อ ทั้งในส่วนของสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) สินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อทอง สินเชื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อบุคคลให้เพิ่มขึ้นกว่า 60% และในด้านเงินฝาก 43% และในปีนี้ ธนาคารฯ เตรียมออกสินเชื่อรูปแบบใหม่ที่โดดเด่น และแตกต่างจากธนาคารอื่น โดยผลิตภัณฑ์จะเน้นในเรื่องการยกระดับคุณภาพชีวิต และสร้างโอกาส หรือเสนอทางเลือกที่ดีให้กับลูกค้า นอกจากนี้ ในครึ่งปีแรก ธนาคารฯ เตรียมแผนเปิดสาขาใหม่อีก 4 สาขา ได้แก่ ซีคอนสแควร์ งามวงศ์วาน บางกะปิ และปทุมธานี ตลอดจนการเพิ่มเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำ ธุรกรรมกับธนาคารฯ ดั่งเช่นความสำเร็จที่ธนาคารฯ ได้ร่วมมือกับ ไปรษณีย์ไทย และธนาคารกรุงไทย ด้วยบริการ “ฝากสะดวก ถอนง่าย” ทั่วประเทศ
นอกเหนือจากแผนการดำเนินงานดังกล่าว ธนาคารฯ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร โดยมีแผนงานอบรมหลักสูตรเฉพาะด้าน เช่น การตรวจสอบทอง ตั้งแต่ระดับพื้นฐานถึงเป็นผู้เชี่ยวชาญ และการให้บริการลูกค้าด้วยความเป็นมืออาชีพ พร้อมกันนั้นยังเปิดโอกาสให้กับ “คนรุ่นใหม่ๆ” ที่พร้อมจะเติบโตไปกับธนาคารฯ มาร่วมแสดงพลังคนรุ่นใหม่อีกด้วย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :
ฝ่ายการตลาด และสื่อสาร ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย
วรอนงค์ : โทรศัพท์ 02 697 5300 ต่อ 1307
บริษัท พีอาร์พีเดีย จำกัด
โสภี, ณัฐพร : โทรศัพท์ 02 438 9945