นายธีระพงษ์ เขมฤกษ์อำพล รองประธานกรรมการบริษัทรักลูกกรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมการตลาดของกลุ่มบริษัทรักลูกกรุ๊ปนั้นมีรายได้ลดลงไม่เป็นไปตามเป้า 7-8%ในปีที่ผ่านมา แต่ทางด้านสื่อมิเดีย แม็กกาซีน และงานอีเว้นท์ ปี2552 ดีกว่าปี2551 หรือเพิ่มขึ้น 18% ประมาณ 280 กว่าล้านบาท
สำหรับบริษัทในเครือรักลูกกรุ๊ป อาทิเช่น 1)บริษัทรักลูกเอ็ดดูเท็กซ์ รายได้ในปี2552 ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2551 เนื่องมาจากกรประมูลงานนั้นเป็นไปตามเป้า แต่โครงการดีเลย์มาในปี 2553 ทำให้รายได้ลดลงตามลำดับ แต่ปริมาณงานมากขึ้น 2) บริษัทรักลูก ดิสคัพเวอร์รี่เลิร์นนิ่ง จำกัด (พิพิธภัณฑ์เด็ก จตุจักร) ทางกลุ่มบริษัทรักลูกในปีนี้ยังไม่มีการคุยกันในเรื่องการต่อสัญญาในปีนี้ และได้มีการหยุดเพื่อปรับปรุงดังกล่าว ซึ่งปีที่ผ่านมานั้นเราขาดทุน เพราะการทำงานของเราจะเน้นงานทางด้านการบริหารอย่างเดียว 3) บริษัทรักลูกโซเซียล แอนด์อินโนเวชั่น จำกัด รายได้ในปีนี้ดีขึ้น มีการทำงานในเชิงรุกกับชุมชนและหน่วยงานราชการมากขึ้น
รวมทั้งกรุ๊ปแล้วในปี2552 รายได้ลดลงต่ำกว่าในปี2551 แต่เพราะว่าทางเรามีการตั้งรับภาวะเศรษฐกิจตั้งแต่ในปี2551 โดยระยะแรกนั้นเราเริ่มต้นset การทำงานให้มีประสิทธิภาพ พัฒนาช่องทางออนไลน์และงานในส่วนของอีเว้นท์ ซึ่งเราได้ในการทำงานมีทั้งภาครัฐและเอกชน และสื่อทางด้านนิตยสาร ของเรานั้นยังโตอยู่ตามลำดับ โดยเฉพาะนิตยสารรักลูกนั้นยังคงครองส่วนแบ่งการตลาดในอันดับแรก โดยทิ้งห่างอันดับสองในค่ายเดียวกัน คือนิตยสารโมเดิร์นมัน
สำหรับปีนี้ ทางบริษัทรักลูกกรุ๊ป ได้มีการสานงานต่อจากปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ kidscovery การเปิดตลาด และกิจกรรมอีเว้นท์สำหรับเด็ก kids marketing เพราะเป้าหมายของเด็กในทศวรรษ21 ต้องมีคุณสมบัติครบถ้วน เพื่อเพิ่มศักยภาพทางธรรมชาติ ทำให้เด็กฉลาดขึ้น ส่วนธุรกิจออนไลน์นั้น ในปี 2552 รายได้ประมาณ 10 ล้าน ปี2553 เราคาดว่าจะประมาณ 30 ล้านน่าจะทำได้ เพราะมันมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเชื่อมโยงกับสื่อออฟไลน์ อย่าง แม็กกาซีน รายการทีวี และงานอีเว้นท์ต่างๆ ซึ่งส่งผลให้รายได้จากการขายหน้าโฆษณาพุ่งขึ้นตามไปด้วย
สำหรับอีเว้นท์ในปีนี้ก็ยังคงสองงานใหญ่ประจำปี คือ งานเฟสติวัล2010 ซึ่งจะจัดในวันที่ 12-14 มีนาคม2553 และงานคิดส์เอ็กซ์โป จะจัดประมาณเดือน กรกฎาคม ของทุกปี และใหม่ล่าสุดคืองานจะเกิดในปลายปีสำหรับคุณแม่โดยเฉพาะ ซึ่งรายละเอียดจะปรากฎในเว็บไซต์ต่อไป ในปีนี้งานอีเว้นท์น่าจะคึกคัก เพราะภาคเอกชนค่อนข้างให้ความสำคัญกันมาก
และล่าสุดในปีนี้จะเพิ่มพื้นที่สำหรับบุกและเปิดตลาดผู้หญิงวัยสี่สิบปี ผ่านพ๊อกเก็ตบุ๊คส์ มอร์ออฟไลน์ และแม็กกาซีนสำหรับผู้หญิง และเน้นหนักทางด้านงานอีเว้นท์สำหรับกลุ่มนี้มากขึ้น โดยแผนที่วางไว้คือการต่อยอดและพัฒนามีเดีย มารองรับกลุ่มนี้โดยเฉพาะ เช่นการเปิดโลกไซเบอร์ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในกลุ่มนี้
“ในอนาคต เรากำลังผลักดันรายการทีวี เป็นทีวีออนไลน์ ทีวีดาวเทียม จะตั้งรับและขยายตัวแน่นอน คาดว่าจบไตรมาสแรกน่าจะเกิดขึ้น และสังคมไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เนื่องจากโครงสร้างประชากรเปลี่ยนแปลง การรักษาสุขภาพของคนดีขึ้น หรือมีตัวผลิตภัณฑ์ที่เข้ามามีส่วนช่วยในการเสริมสร้างร่างกาย เช่น วิตามิน อาหารเสริม อาหารทางเลือก เราก็ควรจะมีพื้นที่ ที่ทำให้ชีวิตมีคุณค่าและอยู่อย่างไรในอีก 40 ปีข้างหน้า อยู่อย่างมีพลัง มีการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และคาดหวังว่ารายได้ของกลุ่มparenting รายได้หลัก 80ล้านบาท คิดส์มาร์เก็ตติ้ง 30 ล้านบาท และกลุ่มผู้หญิง พ็อกเก็ตบุ๊คส์ 10ล้านบาท เป้าหมายของรักลูก กรุ๊ปในอนาคต 500 ล้านบาท โดยพ็อกเก็ตบุ๊คส์นั้นเราจะเน้นที่เป็นแมสและราคาถูก ไม่สต๊อกสินค้าไว้ และต้องแม่นว่าสามารถขายได้ และโดนใจคนอ่าน โดยใช้งานวิจัยเข้ามาช่วยเพื่อทราบถึงพฤติกรรมการบริโภคของลูกค้า” คุณธีระพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย