นายอิสสระ กล่าวต่อว่า ปัญหาอาจเกิดจากการจัดสรรเงินที่ไม่เป็นระบบ ซึ่งเด็กบางคนที่มารับเงินเบี้ยเลี้ยงรายวันจากครูน้อย บางคนเป็นเด็กในชุมชนละแวกนั้น ไม่ใช่เด็กของมูลนิธิจริงๆ จึงทำให้เกิดปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน ในการแก้ปัญหานี้ จึงจะเสนอให้ครูน้อยนำเด็กในมูลนิธิมาอยู่ในความดูแลของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดยทางกระทรวงฯ จะส่งให้สถานสงเคราะห์เป็นผู้ดูแล เพราะมีความพร้อมทั้งที่อยู่อาศัยและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ หรืออาจส่งเด็กเข้าโครงการครอบครัวอุปการะ เพื่อหาครอบครัวใจบุญที่เต็มใจรับดูแลเด็ก ซึ่งทางกระทรวงฯจะช่วยประสานงานให้ต่อไป ในส่วนของการเจรจาเรื่องหนี้สินกับเจ้าหนี้นั้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเป็นตัวกลางในการเจรจา โดยจะสอบถามจากเจ้าหนี้ว่ามีหนี้สินติดค้างเป็นจำนวนเท่าใด ซึ่งหากพบว่า มีการเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ก็จะลงโทษเป็นความผิดทางอาญาต่อไป
“อยากแนะนำให้ครูน้อย ส่งเด็กให้ทางกระทรวงฯ อุปการะ โดยจะมีสถานสงเคราะห์รับเลี้ยงดู เพื่อให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งจะช่วยในการตัดปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไปได้” นายอิสสระ กล่าว