งานนี้มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานและและปาฐกถาเรื่อง “การรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว” โดยมีใจความสำคัญว่า
ปัญหาความรุนแรงเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ เพราะไม่เพียงแต่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่ยังส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศ เพราะในปี ๆ หนึ่ง รัฐต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเหยื่อผู้ถูกระทำความรุนแรง และผู้ถูกกระทำเองก็ต้องเสียรายได้รวม ๆ แล้วกว่า ๓๖,๐๐๐ ล้านบาท
รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าวและมุ่งมั่นที่จะแก้ไขด้วยการพัฒนามาตรการ กลไก ตลอดจนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ที่สำคัญ คือ พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ และพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งเป็นกฎหมายที่มุ่งเน้นการคุ้มครองสิทธิบุคคลในครอบครัวจากความรุนแรง ไม่ถูกกระทำซ้ำ ในขณะเดียวกันก็มุ่งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้กระทำความรุนแรง กฎหมายฉบับนี้ ยังให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยให้ผู้พบเห็นหรือทราบการกระทำความรุนแรงในครอบครัวมีหน้าที่ ที่ต้องแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อหยุดยั้งความรุนแรงก่อนที่จะเกินเยียวยา
นายกรัฐมนตรีย้ำว่า เราต้องสร้างกระแสสังคมให้เห็นว่าความรุนแรงในครอบครัวไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องของสังคมที่ทุกคนต้องช่วยกันดูแล
ซึ่งนายกยังบอกอีกว่ากลยุทธ์ที่จะทำให้การรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัวประสบความสำเร็จ คือการหาแนวร่วมจากเครือข่ายสื่อมวลชน ซึ่งเป็นกลไกหลักที่สำคัญประการหนึ่งที่จะเอื้อต่อการจัดการกับปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว เนื่องจากสื่อมีอิทธิพลต่อทัศนคติ ความเชื่อและพฤติกรรมของผู้บริโภค นอกจากนี้
งานนี้เราจึงได้เห็นสื่อมวลชนจำนวนมากทั้งวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์มาร่วมเผยแพร่ข่าวสารประชาสัมพันธ์ “มหกรรมปีแห่งการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว” โดยเฉพาะสี่สาวพิธีกรรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง ที่มาขึ้นเวทีเสวนาอย่างออกรสประเด็นยุติความรุนแรง อย่างมุมมองผู้หญิงรุ่นใหม่ของกาละแมร์ พัชรศรีที่ให้ข้อคิดว่า ผู้ชายหลายคนมักคิดว่าพอผู้หญิงแต่งงานแล้ว ชีวิตเราต้องเป็นของเขา ขอให้เปลี่ยนความคิดสีย แม้แต่ผู้หญิงเองก็ต้องเลิกความคิดที่ว่าสามีมีสิทธิทำร้ายร่างกายภรรยา ส่วนคนทั่วไปเห็นสามีทำร้ายภรรยาก็อย่านิ่งเฉยคิดว่า “เป็นเรื่องในครอบครัวเขา เราไม่เกี่ยว” เพราะปัญหาแบบนี้จะยุติลงก็ด้วยการเปลี่ยนทัศนคติของทุกคน
ด้านนายอิสสระ สมชัย รมว.พม. เจ้าของโครงการ ได้กล่าวถึงความเป็นมาของ “มหกรรมปีแห่งการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว” ว่า ภารกิจหลักที่สำคัญประการหนึ่งของกระทรวงฯ คือการขับเคลื่อนพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ไปสู่การบังคับใช้อย่างจริงจัง ซึ่งการที่จะบรรลุเป้าหมายได้นั้น จำเป็นที่จะต้องสร้างความตระหนักรู้ในประเด็นปัญหา ตลอดจนสร้างกระแสสังคมให้มีความตื่นตัวและร่วมเป็นหนึ่งเสียงในการยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และครอบครัว ดังนั้น พม. จึงได้จัดกิจกรรมมหกรรมปีแห่งการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัวขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดตัวการรณรงค์ยุติความรุนแรงฯ ซึ่งจะดำเนินการไปตลอดปี ๒๕๕๓ สร้างกระแสการรณรงค์เชิญชวนภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนและประชาชนร่วมเป็นพลังยุติความรุนแรงฯ ด้วยการ “ไม่ยอมรับ ไม่นิ่งเฉย ไม่กระทำความรุนแรง” ต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว อย่างต่อเนื่องตลอดปี ๒๕๕๓ และเชิญชวนให้ประชาชนร่วมติดสัญลักษณ์ริบบิ้นสีขาว เพื่อแสดงสัญลักษณ์เตือนใจ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการยุติความรุนแรง
ริบบิ้นสีขาว (White Ribbon) เป็นสัญลักษณ์ที่ผู้ชายติดแสดงถึงการร่วมกันต่อต้านการใช้ความรุนแรงต่อสตรี โดยไม่ยอมรับ ไม่นิ่งเฉย ไม่กระทำความรุนแรงต่อสตรีในทุกรูปแบบ โดยปัจจุบันสัญลัษณ์นี้ใช้ได้ทั้งหญิงและชาย เพื่อร่วมรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี
โดยประชาชน หน่วยงานราชการและเอกชน ศิลปิน และดาราที่มาร่วมพิธีเปิดงาน “มหกรรมปีแห่งการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว” ได้รับเข็มกลัดริบบิ้นสีขาว เสื้อและหมวกสีชมพูสดใส พร้อมข้อความ “ยุติความรุนแรง” ใส่ร่วมเดินขบวนรณรงค์ตั้งแต่เจ เจ มอลล์ ไปรอบตลาดนัดสวนจตุจักร มอบแผ่นพับเผยแพร่ “มหกรรมปีแห่งการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว” ให้รู้จัก และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการยุติความรุนแรง
ภายในงานยังมีการแสดงต่าง ๆ บนเวที เช่น การแสดงของเหล่าศิลปินจากโรงเรียนซุปเปอร์สตาร์ อะคาเดมี การตอบคำถามชิงรางวัล รวมทั้งการจัดซุ้มนิทรรศการให้ความรู้แก่ผู้ร่วมงานในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว
งานนี้ต้องชื่นชมทุกฝ่ายที่ถึงแม้เป็นวันหยุดแต่หน่วยงานราชการ เอกชน ประชาชน สื่อมวลชน ก็ยังมาร่วมงานและเดินขบวนรณรงค์ยุติความรุนแรงอย่างพร้อมเพรียงกัน ฝ่ายศิลปิน ดารา พิธีกร ทั้งเคน ธีรเดช แอน ทองประสม เบนซ์ พรชิตา โฬม พัชตะ ต๊ะ วริษฐ์ ปุ้ย พิมลวรรณ ไก่ มีสุข นิน่า กุลนัดดา กาละแมร์ พัชรศรี ปอ ปุณยวีร์ และโก้ ชาญชัยก็ไม่ห่วงสวยหล่อเดินนำขบวนพร้อม รมว.พม. และผู้บริหารกระทรวง
การจัดงานในครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างกระแสสังคมที่แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยมีความพร้อมที่จะร่วมด้วยช่วยกันในการยุติปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งจะไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอีกต่อไป และงานนี้จะเป็นเรือธงเปิดตัวในกรุงเทพฯ ก่อนที่จะจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องตลอดปี ๒๕๕๓ ตามหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ เริ่มที่จังหวัดอุบลราชธานีเป็นจังหวัดต่อไป ในวันที่ ๑๒ — ๑๓ กุมภาพันธ์นี้
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ขอเชิญชวนให้ประชาชนร่วมเป็นหนึ่งเสียงในการยุติความรุนแรง ด้วยการติดเข็มกลัดริบบิ้นสีขาว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สากลในการร่วมมือรณรงค์ดังกล่าว โดยมีความหมายแสดงว่าจะ “ไม่นิ่งเฉย ไม่ยอมรับ ไม่กระทำ” ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว และร่วมกันเป็นหูเป็นตา เมื่อพบเห็นการกระทำรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัวสามารถแจ้งเหตุได้ที่ศูนย์ประชาบดี โทร ๑๓๐๐ ทั่วประเทศ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง