นายอมรภัทร ชมรัตน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เนกซ์เสตป จำกัด กล่าวว่า เมื่อเที่ยงคืนวันพุธ (10 กุมภาพันธ์) ที่ผ่านมา ทางบริษัทได้เริ่มส่งสัญญาออกอากาศสามช่องหลักของบริษัทอีกครั้งหนึ่ง ได้แก่ ช่องบุษบาคาเฟ่ ช่องเรียลเมโทร และช่องมายไซน์ ผ่านเครือข่ายทีวีระบบบอกรับสมาชิกทั่วประเทศ หลังจากที่เร็ว ๆ นี้ทางบริษัทได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ บริษัท เคเบิลไทย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ CTH ซึ่งเป็นบริษัทที่มีศักยภาพทางธุรกิจ เนื่องจากเป็นการรวมตัวกันของผู้ประกอบการโทรทัศน์บอกรับสมาชิกกว่า 140 รายทั่วประเทศ
นายอมรภัทร กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ทางบริษัทส่งสัญญาณออกอากาศทั้งสามช่องผ่านระบบจานดาวเทียม แต่มีข้อจำกัดทางด้านผู้ชม จึงทำให้บริษัทต้องการหาช่องทางใหม่ ๆ ในการออกอากาศ จนกระทั่งได้เห็นการผนึกกำลังทางธุรกิจของผู้ประกอบการกิจการโทรทัศน์บอกรับสมาชิก จึงเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทในการปรับกลยุทธ์ และลดต้นทุนในการบริหาร
นายอมรภัทร กล่าวย้ำว่า ถึงแม้ว่าจะมีช่องรายการกว่า 40 ช่องที่ออกอากาศในระบบเครือข่ายโทรทัศน์บอกรับสมาชิก แต่มีความมั่นใจว่าเนื้อหาที่เนกซ์เสตปนำเสนอมีความชัดเจน และแตกต่างจากเนื้อหาที่นำเสนอโดยผู้ผลิตรายการอื่น ๆ โดยเน้นที่รายการที่ให้ความรู้สร้างสรรค์ควบคู่กับบันเทิง (Edutainment) ซึ่งถือเป็นทางเลือกให้กับผู้ชม ขณะเดียวกันก็เป็นทางเลือกให้กับสินค้าที่ต้องการโฆษณา ซึ่งทั้งสามช่องนั้นครอบคลุมกลุ่มผู้ชมทั้งเยาวชน กลุ่มคนทำงาน ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ของสินค้าแต่ละประเภท
ทั้งนี้ รายการบุษบาคาเฟ่ เป็นรายการที่เสนอรายการศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน อาทิ เพลงลูกทุ่ง ลิเก ลำตัด หมอลำ โปงลาง มโนราห์ ที่ให้ความบันเทิง สนุกสนานกับผู้ชมส่วนใหญ่ของประเทศตามภาคต่าง ๆ ที่อยู่ในภาคต่าง ๆ
“ถึงแม้ว่าช่องนี้จะเน้นกลุ่มคนดูแบบแมส เหมือนกับหลาย ๆ ช่องที่ออกอากาศทางเคเบิลทีวี แต่ของเราไม่ใช่แค่บันเทิง แต่มีสาระ ซึ่งผมคิดว่าการที่คนดูชมรายการที่มีเนื้อหา หมายว่าเขาชมอย่างตั้งใจ ดังนั้น การโฆษณาในช่องนี้น่าจะได้รับการจดจำมากกว่า’’ นายอมรภัทรกล่าว
ส่วนช่องมายไซน์เป็นช่องที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ชม เมื่อครั้งออกอากาศทางฟรีทีวี ยังคงเน้นสารคดีจากต่างประเทศ ผู้ชมจะได้ค้นพบกับสิ่งแปลกใหม่จากทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นวิทยาการสมัยใหม่ วิทยาศาสตร์ที่ง่ายต่อการเข้าใจ รวมถึงความก้าวหน้าด้านการแพทย์ ดังนั้น ช่องนี้จะเหมาะกับคนดูทุกกลุ่มในครอบครัว เพราะเป็นการเสริมสร้างความรู้ แต่คาดว่าช่องนี้จะได้รับความนิยมจากกลุ่มเยาวชนเป็นพิเศษ เนื่องจากรายการต่าง ๆ จะช่วยเสริมสร้างทักษะในการสร้างองค์ความคิดที่รอบด้านมากขึ้น
ส่วนช่องสุดท้าย ช่องเรียลเมโทร จะเป็นช่องที่นำเสนอแนวทางการดำเนินชีวิตคนเมืองแบบมีคุณภาพ เพื่อตอบรับกับกระแสไลฟ์สไตล์แบบชีวิตคนเมืองที่กำลังขยายตัวมากขึ้นในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ เนื้อหามากกว่า 70% จะเป็นเรื่องของบ้าน และการตกแต่งที่จะเน้นให้ผู้ชมสามารถนำไปดัดแปลงเข้ากับไลฟ์สไตล์ของตน และอยู่กับสิ่งแวดล้อมอย่างมีความสุข ส่วนที่เหลืออีก 30 % จะเป็นศิลปะในการใช้ชีวิตแบบเมือง โดยจะนำผู้ชมไปชมงานศิลป์ พิพิธภัณฑ์ การทำอาหาร รวมถึงอุปกรณ์เทคโนโลยีที่ช่วยให้การดำเนินชีวิตไม่ใช่แค่มีความสะดวกสบาย แต่มีความเป็นตัวของตัวเอง
นายอมรภัทรกล่าวว่า หลังจากทำการรีลอนช์ช่องทั้งสามใหม่แล้วเมื่อเที่ยงคืนวันพุธที่ผ่านมา ทำให้เนกซ์เสตปมีช่องรายการทั้งหมด 6 ช่อง โดยรวมกับ 3 ช่องที่ออกอากาศผ่านโทรทัศน์บอกรับสมาชิก และจานดาวเทียมดีทีวี (DTV) ได้แก่ ช่องสำรวจโลก ช่องมิวสิคไลฟ์สไตล์ (Music Lifestyle) และช่องเนกซ์เสตปเทเลวิชัน (Next Step Television) ขณะนี้บริษัทจึงมีคอนเทนต์ที่หลากหลาย ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ชมคนดูหลายกลุ่ม ซึ่งสามารถรับชมรายการของเนกซ์เสตปผ่านทีวีระบบดาวเทียม และเคเบิล
“เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับคนอื่น เนกซ์เสตปเน้นคอนเทนท์ที่มีคุณภาพ ผมลองถามตัวเองว่าถ้าต้องเสียเงินเพื่อให้ชมช่องรายการ ผมจะเลือกชมอะไร ผมต้องการเลือกชมเนื้อหาที่หาชมไม่ได้จากที่ไหน เป็นบันเทิงที่มีสาระที่เราเรียกว่า Edutainment ที่สำคัญการทำช่องรายการคุณภาพ มีคู่แข่งน้อย เพราะไม่คุ้มกับการลงทุนทำธุรกิจในระยะสั้น เราเน้นการทำธุรกิจระยะยาว ซึ่งเราทำมากว่า 10 ปี” นายอมรภัทรกล่าว
ดังนั้น สินค้าที่มาลงโฆษณากับทางช่องของเนกซ์เสตปก็จะถูกเลือกสรรเช่นเดียวกัน เนกซ์เสตปมีกฎเหล็กคือสินค้าที่จะมาโฆษณาในรายการทุกช่องขอจะต้องเป็นสินค้าที่มีมาตราฐาน เจ้าของสินค้าจึงมั่นใจได้ว่าสินค้าที่ลงโฆษณาผ่านรายการเนกซ์เสตปจะมีภาพพจน์ที่ดี และน่าเชื่อถือ
“เราไม่รับสินค้าที่ไม่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา ไม่รับหมอดู ไม่รับดาวน์โลดริงโทนภาพไม่เหมาะสม ไม่มีรายการขายตรง บริษัทสูญเสียรายได้จากตรงนี้ไปเป็นจำนวนมาก แต่ก็แลกมาด้วยความน่าเชื่อถือเพราะผู้ชมชองเนกซ์สเตป ที่มีความเชื่อใจกับสิ่งที่รายการเรานำเสนอ” นายอมรภัทรกล่าวย้ำ
นายอมรภัทรคาดว่า สำหรับปี 2553 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 200 ล้านบาท โดยเติบโตจากปีที่ผ่านมาเท่าตัว เป็นผลมาจากการเพิ่มช่องรายการเป็น 6 รายการ ทำให้สามารถรองรับโฆษณาได้มากขึ้น กอปรกับ คาดว่าตลาดโฆษณาของโทรทัศน์บอกรับสมาชิก และโทรทัศน์ดาวเทียมมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว คาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 3-5% ของงบโฆษณาในฟรีทีวีที่มีมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ นายอมรภัทรยังคาดการณ์ต่อว่า ในปีนี้จะมีผู้ชมติดตั้งโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิกและจานดาวเทียมเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 1 ล้านครัวเรือน เสาก้างปลาจะหมดไปในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ตลาดจานดาวเทียมจะอิ่มตัวในอีก 5-7 ปีข้างหน้า และจะทำให้ประเทศไทยมีสัดส่วนของผู้ชมโทรทัศน์ผ่านเคเบิล และจานดาวเทียมเท่ากับประเทศพัฒนาอื่น ๆ คือประมาณ 70%