นพ.วิชัย โชควิวัฒน รองประธานคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) คนที่ 2 และประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาของประเทศไทยในเวลานี้ว่า เรื่องเกษตรกรรมเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องเร่งแก้ไข ทั้งเรื่องน้ำ การใช้สารเคมี ราคา การผลิต โครงสร้าง กรรมสิทธิ์ที่ดิน การเช่า ที่เกี่ยวข้องและกระทบต่อคนส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้ทันกับสถานการณ์
“เกษตรกรไทยน่าจะขยับจากฐานะยากจนขึ้นมาอยู่ในคนชั้นกลางได้ตั้งนานแล้ว ดูได้จากเกษตรกรจำนวนมากในประเทศที่เจริญแล้วจะไม่จน อย่างน้อยที่สุดลืมหน้าอ้าปากได้ มีฐานะทางเศรษฐกิจขึ้นมาเป็นชนชั้นกลาง ไม่ใช่คนยากจนหรือคนชั้นล่างของสังคมเหมือนประเทศไทย”
นพ.วิชัย กล่าวถึงการพัฒนาประเทศในช่วงที่ผ่านมาว่า เป็นการเอารัดเอาเปรียบคนยากจน คนชนบท คนในภาคเกษตรกรรมตลอดมา ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีการเก็บค่าพรีเมียมข้าว นี่คือนโยบายที่รังแกเกษตรกร ชาวไร่ชาวนา แม้ปัจจุบันจะมีการยกเลิกค่าพรีเมียมข้าวหมดไปแล้ว แต่ก็ถูกระบบพรีเมียมข้าวทำลายเกษตรกรชาวนาจนสูญเสียกรรมสิทธิ์ที่ดินไปมาก มาย กระทั่งถึงปัจจุบันแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 ก็มุ่งพัฒนาในเมือง ละทิ้งชนบทจนทำให้เกิดปัญหาชาวไร่ชาวนาเสียเปรียบยากจนถึงทุกวันนี้
“ชาวไร่ชาวนาถูกทอดทิ้งทุกอย่างจนเกิดความแตกแยกในประเทศ เหมือนดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ บอกว่า เป็นการพัฒนาสองนคราประชาธิปไตย การแตกแยกมีเสื้อเหลืองเสื้อแดงหลักใหญ่ๆ คือชาวนา คนชนบท ที่เป็นสมาชิกของคนเสื้อแดง ที่ถูกละทิ้ง นี่คือรากฐานของปัญหาไม่ใช่ปัญหา ปากท้อง หรือความยากจนเท่านั้นแต่เป็นปัญหาความมั่นคง ความสามัคคี ความแตกแยก”
เมื่อถามว่า ถึงวันนี้รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับภาคการเกษตรมากพอหรือไม่ นพ.วิชัย กล่าวว่า ยังไม่มากพอเท่าที่ควร และเป็นทุกยุคทุกสมัย โดยต้องตั้งหลักใหม่หมดปฏิรูปกันขนานใหญ่ ที่ผ่านมาส่วนใหญ่รัฐบาลไม่มีเวลานั่งคิดเรื่องนี้ ให้ทุกอย่างปล่อยไปตามโมเมนตัม (Momentum) ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดเพราะเอาเปรียบราษฎร เอาเปรียบเกษตรกร คนยากคนจน