โนแลน เมอร์ธา ดิจิตัลเอ็ฟเฟ็กซ์ซุปเปอร์ไวเซอร์ แห่งไลท์สตอร์มเอ็นเตอร์เทนเม้นท์เล่าว่า “เมื่อ 15 ปีที่แล้วที่เจมส์ คาเมรอนมีไอเดียเรื่อง Avatar เทคโนโลยียังมาไม่ถึงที่จะทำให้ไอเดียมีชีวิตบนจอเงินได้” และเมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน ด้วยซอฟท์แวร์ออโตเดสก์ “เราได้ทำให้ความฝันของเราโลดแล่นบนแผ่นฟิล์มได้ เราได้เห็นจินตนาการของเรามีชีวิต ที่กองถ่าย เราสร้างไลฟ์วิดิโอเกมของแต่ละฉากขึ้น ทำให้เราไม่ต้องเดาว่าแต่ละฉากจะออกมาเป็นอย่างไร เราสามารถแสดงผลได้เลยทันทีเป็นภาพยนตร์ ไม่จำเป็นต้องรอผลโพสต์โปรดักชั่น ทำให้ผู้กำกับสามารถตัดสินใจแก้ไข ปรับแต่งได้ทันทีตามต้องการ ที่ทำได้ดั่งใจเช่นนี้เป็นพลังเรียลไทม์อินเตอร์แอคทีฟของซอฟท์แวร์ MotionBuilder” ซอฟท์แวร์ตัวนี้จากออโตเดสก์ช่วยผู้สร้างภาพยนตร์ถ่ายฉากบู๊แอคชั่นเพื่อความสมจริงด้วยการจับภาพจากถ่ายฉากบู๊ของนักแสดง และแปลงเป็นตัวละครดิจิตัลในฉากแบบเวอร์ช่วลเพื่อดูการแสดงผลภาพแบบเรียลไทม์ และใช้ซอฟท์แวร์ทั้ง MotionBuilder และ Autodesk Maya สร้างฉากเวอร์ช่วลไว้ล่วงหน้าพร้อมด้วยวิช่วลเอ็ฟเฟ็กซ์, อะนิเมชั่นและการทำมเรนเดอร์ของภาพทั้งหมด นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ Autodesk Mudbox ซอฟท์แวร์ทำดิจิตัลสคัลป์ติ้ง (digital sculpting) เพื่องาน asset creation และใช้ Maya ในการตกแต่งและสร้างความสมบูรณ์ของงานก่อนปิดกล้อง
คาร์ล บาสส ปรธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร ออโตเดสก์ ยินดีกับความสำเร็จท่วมท้นของเจมส์ คาเมรอนและไลท์สตอร์มเอ็นเตอร์เทนเม้นท์และกลุ่มนักสร้างฝันที่เกี่ยวข้องทุกคนที่ร่วมกันขึ้นรูปจินตนาการและใส่ชีวิตให้ Avatar เป็นภาพยนตร์แห่งยุค โดยมองว่าเป็นการเขียนตำราการทำหนังเล่มใหม่ เปลี่ยนรูปแบบวิธีการทำหนัง เปลี่ยนกระบวนการทำหนังโดยให้ดิจิตัลเทคโนโลยีมามีส่วนร่วม ในฐานะที่เป็นหนึ่งในทีมงานซอฟท์แวร์ออโตเดสก์ คาร์ล บาสสเป็นเกียรติที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์เหลือเชื่อของการทำหนังเวอร์ช่วล การเล่าเรื่องที่ให้ประสบการณ์ความรู้สึกเข้มข้นอย่างที่ไม่สามารถเป็นไปได้หากย้อนกลับไปเพียงแค่ 2-3 ปีเท่านั้นเอง นอกจากนี้ เมอร์ธา จากไลท์สตอร์มเอ็นเตอร์เทนเม้นท์กล่าวเสริมว่า “ด้วยออโตเดสก์ เทคโนโลยีกลายเป็นตัวหลักของการทำหนังแบบที่คุณเคยได้แต่เพียงฝันว่าจะทำเท่านั้นเอง”