นายเกียรติชัย มนต์เสรีนุสรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เกียรติธนาขนส่ง จำกัด (มหาชน) หรือ KIAT เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยประจำปี 2552 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิหลังภาษีเงินได้ปี 2552 เติบโตเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 137.43 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2551 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 40.47 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 239.58% เนื่องจากการลดลงของต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงรวมถึงการควบคุมการใช้น้ำมันให้มีประสิทธิภาพ การเลิกขายสินค้าให้บริษัทที่เกี่ยวข้องซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำ และการให้บริการขนส่งกับลูกค้าใหม่ ได้แก่ การขนส่งก๊าซ NGV ให้กับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT และการให้บริการขนส่งสารเคมีไปประเทศเพื่อนบ้าน
สำหรับรายได้รวมปี 2552 อยู่ที่ 586.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดบัญชีเดียวกันของปี 2551 ประมาณ 107.06 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 22.33 % ซึ่งเป็นรายได้จากบริการขนส่งสินค้า จำนวน 472.71 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 80.59 ของรายได้รวม เพิ่มจากปีก่อน 153.45 ล้านบาท หรือเพิ่ม 48.06 % เนื่องจากบริษัทได้ให้บริการขนส่งเพิ่มขึ้น โดยเป็นการรับรู้รายได้จากบริการขนส่งก๊าซ NGV ให้กับ บมจ.ปตท. ซึ่งมีสัดส่วนรายได้คิดเป็นร้อยละ 22.47 ของรายได้จากบริการขนส่งสินค้า
ขณะที่รายได้จากบริการจัดเก็บและกระจายสินค้า และรายได้จากบริการบริหารงานขนส่ง จำนวน 104.42 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17.80 ของรายได้รวม ลดลงจากปีก่อน 2.51 ล้านบาท หรือ ลดลง 2.35% เนื่องจาก รายได้จากบริการบริหารงานขนส่งลดลงเป็นส่วนใหญ่ ,รายได้จากการขายสินค้า จำนวน 5.56 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.95 ของรายได้รวม ลดลงจากปีก่อน47.73 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทเลิกขายสินค้าให้กับบริษัทที่เกี่ยวข้องตั้งแต่เดือนกันยายน 2551
ด้านต้นทุนรวมของ ปี 2552 และ ปี 2551 คิดเป็น 48.68 % และ 68.46 % ของรายได้รวม หรือลดลง 13.02 %ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของปี 2552 และ ปี 2551 คิดเป็น 51.32 % และ 31.55 % ของรายได้รวม หรือเพิ่มขึ้น 99.02% เนื่องจาก การลดลงของต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงรวมถึงการควบคุมการใช้น้ำมันให้มีประสิทธิภาพ การเลิกขายสินค้าให้บริษัทที่เกี่ยวข้องซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำ และการให้บริการขนส่งกับลูกค้าใหม่ ได้แก่ การขนส่งก๊าซ NGV ให้กับ บมจ.ปตท. และการให้บริการขนส่งสารเคมีไปประเทศเพื่อนบ้าน
ทั้งนี้ที่ประชุ มคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 1/2553 ได้อนุมัติรับรองการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล และอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการประจำปี 2552 เพิ่มอีกหุ้นละ 0.25 บาท คิดเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 50,000,000 บาท เมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งแรกปี 2552 ที่จ่ายไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท หรือ 40,000,000 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 90,000,000 บาท โดยบริษัทได้กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น ที่มีสิทธิเข้าร่วมการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2553 และสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 29 มีนาคม 2553 (Record Date) และให้รวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 30 มีนาคม2553 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผลในวันที่ 30 เมษายน 2553
เขากล่าวต่อถึง แนวโน้มผลประกอบการปีนี้ว่า บริษัทยังคงตั้งเป้ารายได้เติบโตประมาณ 10-15% เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยธุรกิจโลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมพลังงานและปิโตรเคมียังคงขยายตัวดีควบคู่กับเศรษฐกิจของประเทศที่เริ่มฟื้นตัว ขณะเดียวกันบริษัทยังคงขยายการให้บริการขนส่งทั้งภายในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน อันจะนำไปสู่การเพิ่มโอกาสในการขยายฐานลูกค้ารายใหม่ๆ ของบริษัทในอนาคตอย่างต่อเนื่อง
"ผลการดำเนินงานปีนี้ น่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา จากการที่บริษัทยังคงมีการขยายฐานลูกค้ารายใหม่ๆ เพิ่มอย่างต่อเนื่อง รวมถึงขยายการให้บริการขนส่ง และเข้าประมูลงานขนส่งสินค้าเชื้อเพลิง พลังงาน และสารเคมี และวัตถุอันตราย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงเป็นโอกาสดีของบริษัท' นายเกียรติชัยกล่าว
ข้อมูล บริษัท เกียรติธนาขนส่ง จำกัด (มหาชน)
บริษัท เกียรติธนาขนส่ง จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจเป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้า (Transportation) ประเภทวัตถุดิบอุตสาหกรรม เช่น แคลไซน์ สังกะสีแท่ง และสารเคมีอันตราย เช่น กำมะถันเหลว โซดาไฟน้ำ ตลอดจน ประเภทเชื้อเพลิงและพลังงาน เช่น ก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ (Natural Gas for Vehicle — NGV) การให้บริการบริหารงานขนส่ง (Transportation Management) เช่น การบริหารงานขนส่งน้ำมันดิบ เป็นต้น ซึ่งที่กล่าวข้างต้นทั้งหมดเป็นการให้บริการขนส่งตามความต้องการของลูกค้า โดยเน้นไปที่การให้บริการขนส่งโดยใช้รถขนส่งขนาดใหญ่ และรักษามาตรฐานความปลอดภัย ตลอดจนการให้บริการจัดเก็บและกระจายสินค้า (Warehousing / Distribution Center) ที่อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยให้บริการจัดเก็บและกระจายสินค้าประเภทวัตถุดิบอุตสาหกรรม เช่น โลหะสังกะสีแท่งบริสุทธิ์ (Zinc Ingot) และโลหะสังกะสีผสม (Zinc Alloy) เป็นต้น โดยดำเนินการจัดเก็บและกระจายต่อให้กับลูกค้ารายย่อยของผู้ว่าจ้าง หรือท่าเรือในกรณีเป็นสินค้าส่งออก
บริษัทมีสาขาที่ให้บริการรวม 6 สาขา คือ สาขาตาก สาขาบางปะอิน สาขาระยอง สาขาสมุทรปราการ สาขาลานกระบือ และสาขาขอนแก่น กลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทเป็นกลุ่มผู้ผลิตในประเทศที่อยู่ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงและพลังงงาน อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ เช่น โรงถลุงแร่ โรงงานผลิตสารเคมี โรงแยกก๊าซ โรงกลั่นน้ำมัน และโรงงานปิโตรเคมี เป็นต้น
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
IR PLUS: คุณสิริวิมล สนธิ (ก้อ) โทรศัพท์ 02-554-9396
E-mail : [email protected]