“เมื่อเกือบ 4 ปีที่แล้ว เราก้าวออกไปบนเส้นทางที่เราเชื่อว่าจะเป็นตัวกำหนดอนาคตของบริษัท และในขณะเดียวกันก็เป็นการเปลี่ยนโฉมของวงการท่องเที่ยวในสิงคโปร์และภูมิภาคเอเชียตะวันตกตลอดช่วงทศวรรษใหม่ที่กำลังจะถึงนี้ ขณะนี้ใกล้จะถึงช่วงเวลาของการเปิดตัวของ มารีน่า เบย์ แซนด์ส ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและสถานที่สำหรับการทำธุรกิจที่มีความโดดเด่นที่สุดที่ได้สร้างสรรค์ขึ้นมา และดูเหมือนว่าเป้าหมายทั้งสองกำลังใกล้จะเป็นจริงขึ้นมาแล้ว” มร.เชลดอน จี เอเดลสัน ประธานบริษัท และประธานกรรมการบริหาร ลาส เวกัส แซนด์ส คอร์ป กล่าว
“แม้ว่าจะเจอความท้าท้าย ซึ่งบางครั้งสภาพเศรษฐกิจที่บริษัทต่างๆในธุรกิจของเราต้องเผชิญอยู่ในปัจจุบันอย่างไม่เคยมีมาก่อน ความทุ่มเทของเราเพื่อให้โครงการเดินหน้าสู่ความสำเร็จก็ไม่เคยแปรปรวนแม้แต่วินาทีเดียว ความมุ่งมั่นนี้แสดงให้เห็นถึงทัศนคติของบริษัทพร้อมทั้งความสามารถของบริษัทที่จะสร้างสรรค์และพัฒนาผลงานชิ้นเอกอย่างเช่น มารีน่า เบย์ แซนด์ส และไม่ต้องสงสัยเลยว่า สิ่งที่เห็นอยู่นี้คือความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ และวิธีที่เราเดินทางมาถึงจุดนี้จะมีความสำคัญอย่างมากต่อกาลภายหน้าในอนาคตของบริษัทเรา” มร. เอเดลสัน กล่าว
ทางด้าน มร. โทมัส อาราซี ประธานกรรมการบริหารของมารีน่า เบย์ แซนด์ส กล่าวถึงแผนที่จะเปิดบริการห้องพักโรงแรมจำนวน 963 ห้อง พื้นที่บางส่วนในช้อปปิ้ง มอลล์ และพื้นที่สำหรับใช้ในการจัดประชุม, บรรดาร้านอาหารของเชฟชื่อดังพร้อมสถานที่รับประทานอาหารที่หลากหลาย และคาสิโน ในวันที่ 27 เมษายน ซึ่งทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับงานก่อสร้างเป็นไปตามกำหนด และการได้รับอนุญาตให้เริ่มดำเนินกิจการอย่างเป็นทางการ
สำหรับในเฟสที่ 2 ซึ่งประกอบไปด้วยสวนลอยฟ้า Sands SkyPark? The Event Plaza ซึ่งตั้งอยู่ตามแนวของ Marina Bay ร้านค้าชั้นนำมากมายของโลก ร้านอาหารพร้อมสรรพด้วยอาหารและเครื่องดื่มอีกมากมาย รวมถึงสถานท่องเที่ยวยามราตรีจะเปิดให้บริการในวันที่ 23 มิถุนายน โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของการจัดงานเปิดตัวครั้งใหญ่ มร. อาราซี กล่าว ซึ่งในเดือนตุลาคม โรงละครแบบครบวงจรที่ทันสมัย 1 ใน 2 แห่งของ มารีน่า เบย์ แซนด์ส ก็จะเปิดให้บริการ โดยเปิดตัวด้วยการแสดงของ The Lion King ของ Disney ส่วนอีกโรงละครจะเปิดให้บริการในช่วงปลายปีนี้ เพื่อเป็นสถานที่สำหรับจัดการแสดงหลากหลายชนิดและโชว์ชั้นนำที่มีชื่อเสียงอีกมากมาย ส่วนพิพิธภัณฑ์ มารีน่า เบย์ แซนด์ส อันเป็นเอกลักษณ์ คาดว่าจะเปิดให้บริการในเดือนธันวาคมนี้ จะไม่เพียงจัดแสดงงานนิทรรศการชั้นนำจากนานาชาติอันเป็นที่ตื่นตาตื่นใจเท่านั้นแต่ยังเป็นสัญลักษณ์การต้อนรับผู้มาเยือนจากทั่วโลกภายใต้การออกแบบอาคารที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากดอกบัว
“เรากำลังตั้งใจให้การก่อสร้างเสร็จตามเวลาและการเตรียมทีมของเราให้พร้อมสำหรับงานเปิดตัว และการปฏิบัติงาน ณ สถานที่ท่องเที่ยวและทำธุรกิจอันแสนวิเศษนี้ เราขอส่งผ่านความรู้สึกขอบคุณไปยังประชาชนและรัฐบาลของสิงคโปร์สำหรับการสนับสนุนที่แน่วแน่ตลอดมา เรามั่นใจว่า มารีน่า เบย์ แซนด์ส จะทำให้ชาวสิงคโปร์มีความภูมิใจ และจะทำให้ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางมาที่สิงคโปร์เพื่อสัมผัสสิ่งนี้ด้วยตัวเอง”
“ขณะที่การเปิดตัวของ มารีน่า เบย์ แซนด์ส เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นในหลายแง่ การสร้างสถานที่อย่างนี้เป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันตกเปรียบเสมือนเครื่องหมายทางภูมิศาสตร์สำหรับลาส เวกัส แซนด์ส การเปิดตัวของมารีน่า เบย์ แซนด์ส รวมถึงบทบาทของเราในตลาดมาเก๊าที่กำลังเติบโตทำให้เราอยู่ในตำแหน่งที่จะได้รับผลประโยชน์ทางการเงินอย่างมากมายในระยะยาว เพราะความใกล้ชิดของเรากับประเทศที่มีการขยายตัวของเศรษฐกิจที่รวดเร็วที่สุดในโลกทั้งตอนเหนือและตอนใต้ของทวีปเอเชีย อีกทั้งยังทำให้เราไม่ต้องพึ่งธุรกิจของเราในจุดต่างๆ ที่เศรษฐกิจยังอยู่ในสภาพของการฟื้นตัวมากนัก” มร. ไมเคิล เลเวน ประธานบริษัทและประธานฝ่ายปฏิบัติการกล่าว “นอกจากนั้น สิงคโปร์ยังเปิดโอกาสให้เราแสดงถึงความเป็นผู้นำในด้านการบุกเบิกของการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวและทำธุรกิจ ระดับมหภาคที่สามารถเปลี่ยนโฉมหน้าเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ ซึ่งบทบาทนี้ทำให้เราอยู่ในตำแหน่งที่จะได้โอกาสขยายกิจการทั่วโลกในอนาคต”
หมายเหตุ :
ในเดือนพฤษภาคม 2549 หลังจากที่มีการแข่งขันกันสูงมากในการประมูล ในที่สุดรัฐบาลสิงคโปร์ก็เลือก ลาส เวกัส แซนด์ส ให้เป็นผู้ก่อสร้างรีสอร์ตแบบครบวงจรแห่งแรกของประเทศ และ มารีน่า เบย์ แซนด์ส จะเป็นเพียง 1 ใน 2 รีสอร์ตที่มีคาสิโนที่ตั้งอยู่ในกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีระยะเวลาในการดำเนินงานนาน 30 ปี
คำแถลงในเอกสารข่าวชิ้นนี้ ไม่อิงประวัติศาสตร์ แต่เป็นคำแถลงที่แสดงถึง ‘การมองไปข้างหน้า’ และจะขึ้นอยู่กับบทบัญญัติที่เรียกว่า Safe Harbor Provisions of the Private Securities Litigation Reform Act ในปี 2538 ถ้อยแถลงของการมองไปข้างหน้ามีความเสี่ยงหลายอย่าง ความไม่แน่นอน และปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัท ซึ่งอาจจะส่งผลที่แตกต่างออกไปตามที่หวังเอาไว้ ปัจจัยเหล่านี้รวมถึงแต่ไม่ได้ถูกจำกัดโดยสภาพโดยรวมของเศรษฐกิจ การแข่งขัน การลงทุนใหม่ ข้อกำหนดของภาครัฐ การทำให้การพนันถูกต้องตามกฎหมาย อัตราดอกเบี้ย การก่อการร้ายในอนาคต การประกันภัย และปัจจัยอื่นๆ ที่มีการระบุรายละเอียดอยู่ในรายงานของ ลาส เวกัส แซนด์ส คอร์ป กับคณะกรรมการ Securities and Exchange Commission โดยทาง ลาส เวกัส แซนด์ส คอร์ป ไม่มีการรับหน้าที่ใดๆ ในการอัพเดทข้อมูลเหล่านี้
เกี่ยวกับ ลาส เวกัส แซนด์ส คอร์ป
ลาส เวกัส แซนด์ส คอร์ป (NYSE: LVS) เป็นผู้พัฒนารีสอร์ตแบบครบวงจรชั้นนำของโลก โดยมีเป้าหมายในการนำเสนอความสะดวกสบายในระดับหรูหรา ศูนย์เกมส์และความบันเทิงระดับโลก ศูนย์การประชุมและสถานที่การจัดแสดงพร้อมอุปกรณ์ครบครัน ร้านอาหารของเชฟชื่อดัง รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่างๆ
The Venetian และ The Palazzo สองรีสอร์ตหรูระดับ 5 ดาว ทั้ง 2 แห่งก่อตั้งบนพื้นที่ๆ เรียกว่า Las Vegas Strip และอยู่ในความครอบครองของบริษัทฯ ส่วนมารีน่า เบย์ แซนด์ส เป็นโครงการล่าสุดของบริษัทที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้างในสิงคโปร์ จะเปิดให้บริการในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2553
ลาส เวกัส แซนด์ คอร์ป ยังถือหุ้นอสังหาริมทรัพย์ในมาเก๊าอีกด้วย โดยดำเนินการผ่าน Sands China Ltd. ซึ่งบริษัทเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ อสังหาริมทรัพย์นี้รวมถึง The Venetian Macao, โรงแรม Four Seasons Hotel Macao และเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ภายใต้แบรนด์ Four Seasons ในย่าน Cotai Strip และโรงแรม Sands Macao Hotel ในแถบคาบสมุทรของมาเก๊า
สำหรับ Cotai Strip ถือเป็นผลงานการพัฒนาชั้นเยี่ยมของบริษัทในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อธุรกิจรีสอร์ต ซึ่งบริษัทได้ก่อสร้างพื้นที่ขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยห้องจำนวน 6,400 ห้อง เพื่อรวบรวมโรงแรมชั้นนำเช่น โรงแรม Shangri-La, Traders, Sheraton และ St. Regis โดยมีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2554
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเข้าเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ : www.lasvegassands.com
สำหรับรูปภาพสามารถดาวน์โหลดได้ที่ : http://www2.marketwire.com/mw/frame_mw?attachid=1182476