ฟิทช์ให้อันดับเครดิตภายในประเทศที่ระดับ ‘AA(tha)’ แก่หุ้นกู้ด้อยสิทธิของธนาคารกรุงไทย

ศุกร์ ๐๕ มีนาคม ๒๐๑๐ ๑๓:๔๔
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-term Rating) ที่ระดับ ‘AA(tha)’ แก่หุ้นกู้ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB โดยหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวมีมูลค่ารวมไม่เกิน 10.4 หมื่นล้านบาท และมีอายุ 10 ปี ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิตของธนาคารมีเสถียรภาพ

อันดับเครดิตของ KTB (อันดับเครดิตภายในประเทศ AA+(tha)/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) มีพื้นฐานมาจากการถือหุ้นใหญ่และการสนับสนุนที่แข็งแกร่งของรัฐบาล รวมทั้งสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นของธนาคาร ถึงแม้ว่าธนาคารยังคงมีความเสี่ยงในด้านของผลการดำเนินงานที่อาจปรับตัวลดลงในอนาคต KTB เป็นธนาคารขนาดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งการตลาด 17% และมีกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ที่จัดตั้งโดยธนาคารแห่งประเทศไทยถือหุ้นในสัดส่วน 55% เมื่อพิจารณาถึงขนาดและความสำคัญของ KTB ต่อระบบการเงินและเศรษฐกิจ รวมทั้งการที่ทางรัฐบาลถือหุ้นใหญ่และมีอำนาจควบคุมธนาคาร ฟิทช์เชื่อว่ามีความเป็นไปได้อย่างสูงที่ธนาคารจะได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐหากมีความจำเป็น ในขณะที่การที่ทางรัฐบาลถือหุ้นใหญ่และมีอำนาจควบคุมธนาคารมีส่วนช่วยสนับสนุนอันดับเครดิตระยะยาวของ KTB ปัจจัยดังกล่าวข้างต้นอาจทำให้ผลการดำเนินงานของธนาคารอ่อนแอลงได้ เนื่องจากธนาคารต้องสนับสนุนนโยบายของภาครัฐ

แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศได้ชะลอตัวลงอย่างมากในปี 2552 แต่กำไรสุทธิของ KTB ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับเดิมที่ 12.2 พันล้านบาท (เทียบกับกำไรสุทธิปี 2551 ที่ 12.3 พันล้านบาท) ทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญที่ลดลง ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงเป็น 42.5 พันล้านบาท ในปี 2552 จาก 45.8 พันล้านบาทในปี 2551 เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยผลตอบแทนที่ลดลง อัตราการเติบโตของสินเชื่อที่ลดลง รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของเงินกู้ระหว่างธนาคารที่มีอัตราผลตอบแทนต่ำ ดังนั้นส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิของ KTB จึงลดลงเป็น 3.2% ในปี 2552 จาก 3.9% ในปี 2551 อัตราส่วนกำไรสุทธิต่อสินทรัพย์และอัตราส่วนกำไรสุทธิต่อส่วนผู้ถือหุ้นของธนาคารยังคงทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนหน้าที่ 0.9% และ 11.4% ในปี 2552

KTB ยังคงมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ในระดับสูงที่ 85.5 พันล้านบาท หรือ 8% ของสินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2552 (เทียบกัน 86 พันล้านบาท หรือ 8.2% ของสินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2551) อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของ KTB ปรับตัวดีขึ้นเป็น 47.3% จาก 41.4% ณ สิ้นปี 2551 แต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของระบบธนาคารพาณิชย์ที่ประมาณ 70%

ถึงแม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมเริ่มที่จะปรับตัวดีขึ้น และฟิทช์ได้ประมาณการณ์อัตราการเติบโตของ GDP ในปี 2553 ที่ 3% (ปี 2552: -2.3%) แต่อย่างไรก็ตามธนาคารยังคงมีความเสี่ยงในด้านผลการดำเนินงาน เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ยังคงอยู่ในระดับที่อ่อนแออยู่ ด้วยอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อของ KTB ที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอ อาจทำให้การตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญของธนาคารเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของธนาคาร

การระดมเงินทุนและสภาพคล่องของ KTB ยังคงมีเสถียรภาพ เนื่องจากธนาคารเป็นหนึ่งในธนาคารที่มีฐานลูกค้าเงินฝากที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศไทย โดยพนักงานรัฐวิสาหกิจและข้าราชการส่วนใหญ่จะมีเงินฝากกับธนาคาร อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากของธนาคารปรับตัวดีขึ้นเป็น 89.1% ณ สิ้นปี 2552 จาก 98.5% ณ สิ้นปี 2551 จากอัตราการเติบโตของสินเชื่อที่ชะลอตัวลง อัตราส่วนเงินกองทุนของ KTB อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเช่นกัน โดยธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่ 10.1% และมีอัตราส่วนเงินกองทุนรวมที่ 15.9% ณ สิ้นปี 2552 จากการประเมินสถานะความแข็งแกร่งทางการเงินในกรณีที่ภาวะเศรษฐกิจอ่อนตัวลงไม่มากนัก (Low Stress Scenario) ธนาคารจะยังคงมีเงินกองทุนอยู่ในระดับที่เพียงพอ ถึงแม้ว่าผลการดำเนินงานของธนาคารอาจถูกกระทบจากการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญที่เพิ่มขึ้น

หลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตหาได้ที่ www.fitchratings.com ในการจัดอันดับเครดิตของบริษัทฯ นี้ ฟิทช์ได้ใช้หลักเกณฑ์ตาม Global Financial Institution Criteria ลงวันที่ 29 ธันวาคม 2552 และ National Ratings-Methodology Update ลงวันที่ 18 ธันวาคม 2549

หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ใช้วัดความน่าเชื่อถือของบริษัทในประเทศที่อันดับเครดิตของประเทศนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตระดับเพื่อการลงทุน หรือมีอันดับเครดิตอยู่ในระดับต่ำแม้จะอยู่ในระดับเพื่อการลงทุน อันดับเครดิตของบริษัทที่ดีที่สุดของประเทศจะอยู่ที่ระดับ ‘AAA’ และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับบริษัทที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นถูกออกแบบมาเพื่อนักลงทุนภายในประเทศในแต่ละประเทศนั้นๆ และมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับแต่ละประเทศ เช่น ‘AAA(tha)’ ในกรณีของประเทศไทย อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นไม่สามารถนำไปใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้

ติดต่อ

พชร ศรายุทธ, กรุงเทพฯ +662 655 4761

Vincent Milton, กรุงเทพฯ +662 655 4759

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO