ประกอบกับหลังจากการฟื้นตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกอย่างรวดเร็วเกินความคาดหมาย ลู่ทางทางเศรษฐกิจเริ่มมีอนาคตที่สดใส โดยเฉพาะตลาดรถยนต์ในปีนี้กลับมาคึกคักอีกครั้ง พร้อมกับมีข่าวดีในเรื่องข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาฟต้าปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์จากเดิม 5 % เป็น 0 % เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทั้งตลาดรถยนต์ภายในประเทศก็จะฟื้นตัวกลับมาดีเหมือนเดิมแล้ว ตลาดส่งออกรถยนต์ไปยังต่างประเทศก็มีแนวโน้มที่สดใสขึ้น ฉะนั้นต้องพัฒนาเตรียมความพร้อมบุคลากรทางด้านฝีมือแรงงานสู่อุตสาหกรรมรถยนต์ จึงเป็นเรื่องที่เร่งด่วน เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมรถยนต์ในภูมิภาคนี้ในอีก 5 ปี
ดังนั้น โรงเรียนเทคโนโลยีสยาม จึงได้ร่วมมือกับ บริษัทมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด จัดตั้ง ‘โครงการอาชีวศึกษาระบบทวิ-ภาคี’ และ “ศูนย์อบรมด้านเทคนิคช่างยนต์” โดย ผู้เรียนเป็นทั้งพนักงานบริษัทและนักศึกษา ในขณะเดียวกัน เพื่อเรียนรู้จริงทำจริงสู่การปฏิบัติเต็มรูปแบบ ตั้งแต่ปีการศึกษา 2553 เป็นต้นไป
“จากผลรายงานล่าสุดได้กล่าวว่า ในยุคนี้เด็กอาชีวะเป็นกลุ่มที่ตกงานน้อยที่สุด และเป็นที่ต้องการของตลาดวิชาชีพมากที่สุด และสถานการณ์โลกปัจจุบัน เทคโนโลยีได้เปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องกำหนดทิศทางด้านยุทธศาสตร์การพัฒนาการศึกษาให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ โดยการพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพด้านทักษะฝีมือช่าง ทั้งการเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันได้ในเวทีระดับโลก เพื่อสู่ภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ที่มีแนวโน้มเติบโตมากในปีนี้
...จึงได้มีการร่วมมือกับพันธมิตร ‘มิตซูบิชิฯ’ ให้นักศึกษาไปปฏิบัติงานที่สถานประกอบการจริง เสมือนเป็นพนักงานคนหนึ่ง คือไปเรียนภาคปฏิบัติเป็นเวลา 4-6 วัน และวันอาทิตย์ก็กลับมาที่โรงเรียนมาเรียนภาคทฤษฎี อีก 1 วัน จนจบการศึกษา ตรงนี้เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ได้รับสวัสดิการและค่าตอบแทนเสมือนพนักงาน ได้ฝึกทักษะจริงๆ เพราะเมื่อจบออกไปสามารถทำงานได้ทันที สามารถเข้าทำงานที่ศูนย์บริการและมิตซูฯ เลยก็ได้ หรือจะออกไปทำที่อื่นๆ หรือจะศึกษาต่อในระดับสูงต่อไปก็ได้ตามต้องการ
...รูปแบบการจัดการเรียนการสอนนี้นำมาจากวิทยาลัยวิชาชีพของประเทศเยอรมนี ‘Fachhochule’ ที่ให้นักศึกษาไปเรียนและทำงานที่สถานประกอบการจริงในฐานะพนักงาน โดยสถานประกอบการรับผิดชอบเรื่องภาคปฏิบัติและสถานศึกษารับผิดชอบภาคทฤษฎี เพื่อพัฒนาให้บุคลากรให้มีประสิทธิภาพตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานและวิชาชีพอย่างแท้จริง และทางมิตซูฯ มีความมุ่งมั่นในการจัดการทางด้านนี้ ซึ่งได้มีส่วนร่วมในการเรียนการสอน และพัฒนาศูนย์เทคนิคยานยนต์ภายในโรงเรียนด้วย จึงเชื่อมั่นว่าตรงนี้จะเป็นการพัฒนาคุณภาพนักศึกษาทางด้านช่างยนต์ตรงกับเทคโนโลยีและความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างแท้จริง
...วันนี้เป็นจุดเริ่มประชาสัมพันธ์ให้นักศึกษาเข้าร่วมโครงการดังกล่าว พร้อมได้เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทางมิตซูฯมาจัดแสดงและอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เทคโนโลยีสยามและมิตซูบิชิ จะร่วมกันเปิด ศูนย์การฝึกอบรมเทคโนโลยีใหม่ๆ ทางด้านช่างยนต์ ทั้งเทคนิคใหม่ๆ และเทคนิคการบริการหลังการขายอีกด้วย และพร้อมกันนี้จะมีการพัฒนาทุกหลักสูตรสาขาอื่นๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคตด้วย” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จอมพงศ์ มงคลวนิช ผู้อำนวยการ โรงเรียนเทคโนโลยีสยาม กล่าว
ไพรัช แพรกคล้าย ผู้อำนวยการ ฝ่ายอบรมและสื่อสิ่งพิมพ์ สำนักบริการหลังการขาย บริษัทมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เล่าว่า- -
“จากเจตนารมณ์ ในอันที่จะร่วมสร้างเศรษฐกิจของชาติสู่การเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ เพื่อประกาศให้โลกรับรู้ถึงฝีมือของคนไทย และเผยแพร่ชื่อเสียงของยนตรกรรมคุณภาพระดับโลกซึ่ง บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ได้สั่งสมประสบการณ์ทางการตลาด สร้างเสริมฐานการผลิตและพัฒนาเทคโนโลยีมาด้วยระยะเวลากว่า 4 ทศวรรษ และมีปณิธานแน่วแน่ที่จะดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมเติบโตเป็นส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย
…ในการร่วมมือครั้งนี้ ทางเราได้เล็งเห็นศักยภาพและความพร้อมของสถาบันและนักศึกษาที่เทคโนโลยีสยาม จึงได้จัดโครงการความร่วมมือขึ้นมา โดยนักศึกษาจะต้องไปเรียนรู้และทำงานด้วย แล้วยังได้รับสวัสดิการและเงินเดือนอีกด้วย เหมือนเป็นพนักงานคนหนึ่งของมิตซูฯ ก็จะให้เลือกไปตามศูนย์บริการ ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 20 แห่ง
...หลังจากสมัครแล้วจะมีการสัมภาษณ์เบื้องต้น เพื่อดูความพร้อมของเด็กและผู้ปกครอง และเมื่อได้เข้าร่วมโครงการแล้ว ต้องไปปฏิบัติหน้าที่ตามศูนย์ที่ได้เลือกไว้ โดยในการเรียนรู้ทุกอย่างเหมือนการทำงานจริงๆ ทั้งเรียนรู้ทางเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ เรียนรู้การบริการ และการบริการหลังการขาย ทั้งการฝึกฝีมือทักษะต่างๆ จนครบหลักสูตรตามกำหนด นักศึกษาที่ได้ร่วมโครงการนี้ จะมีความมั่นคงทางด้านการทำงานอย่างแน่นอน และทางมิตซูฯ เองก็จะพิจารณาเป็นพิเศษหากจะทำงานเลย”
เปิดโครงการในวันนี้ น้องๆ นักศึกษาได้เข้าร่วมกิจกรรมมากมาย ทั้งกิจกรรมการเรียนรู้มิตซูบิชิรุ่นใหม่ล่าสุด ทั้งกิจกรรมการรับสมัครเข้าร่วมโครงการทวิภาคี หรือกิจกรรมการรับสมัครเข้าทำงานเป็นพนักงานประจำของบริษัทมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และกิจกรรมที่น่าสนใจที่เติมเต็มความรู้ คือ กิจกรรมการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากประเทศญี่ปุ่น คือเทคโนโลยีเครื่องยนต์ MIVEC II ที่เป็นระบบการควบคุมการเปิด-ปิดวาล์วไอดีและวาล์วไอเสีย นับเป็นอัจฉริยภาพแห่งพลังความประหยัดที่เหมาะสมกับยุคนี้เป็นอย่างดี
มาย-กุณฑล สุกาญจนโชติ ชั้นปวช. 3 สาขาช่างยนต์ มีผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดี ได้เกรดเฉลี่ย 3.8 บอกว่า โครงการนี้ดี ถูกใจมาก
“ชอบทางด้านเครื่องยนต์มาก ชอบเอาของเล่นมารื้อแกะโน้นแกะนี้ตลอด แล้วคลุกคลีทางด้านนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วครับ เพราะที่บ้านทำอู่รถแท็กซี่ ก็ช่วยคุณพ่อมาตลอด ทำบางอย่าง พวกตรวจสภาพรถยนต์ ติดแก๊สรถก็เป็น
...พอมาเรียนทางด้านนี้ก็ไม่ยาก ได้รู้อะไรใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ทางด้านเครื่องยนต์ต่างๆ ฝึกงานก็ไปมาแล้ว ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานระดับชาติก็ผ่านมาแล้ว สบายมากครับ ได้ประสบการณ์เยอะขึ้น
...การได้เข้าร่วมโครงการนี้ จะทำให้การพัฒนาของเราก้าวไปอีก จะได้ประสบการณ์ที่ดี และจะได้มีความรู้เพิ่มมากยิ่งขึ้น เพื่อได้กลับมาช่วยที่บ้านครับ”
โอ๊ต-สิทธิชัย ประมวล ชั้นปวช. 3 สาขาช่างยนต์ ไม่ปฏิเสธโครงการนี้เลย เพราะจะได้ช่วยพ่อแม่อีกทางหนึ่งด้วย
“เป็นโครงการที่ดีมาก ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย แล้วได้เงินอีกด้วย ก็จะเป็นการช่วยพ่อแม่อีกแรงหนึ่งครับ
...วันนี้ได้เรียนรู้ถึงรถประเภทต่างๆ และรู้เทคโนโลยีใหม่ๆที่น่าสนใจ ก็เป็นความรู้ที่ได้เพิ่มขึ้น หากไปฝึกงานในโครงการนี้ จะได้รู้อะไรเพิ่มมากขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น
...ทุกวันนี้เรื่องเครื่องยนต์ก็พอทำได้ ไม่ยาก ผ่านมาหมดแล้วครับ ทั้งการฝึกงานและการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานฯ แล้วเมื่อจบแล้ว ผมอาจจะเรียนต่อปริญญาตรี และคิดว่าเปิดอู่ซ่อมรถเองที่บ้านครับ”
และ แน็ต-ประวิตร รัตนประเสริฐ ชั้นปวช. 3 สาขาช่างยนต์ ผลการเรียนก็ไม่ด้อยกว่าใคร ได้ถึง 3.3 ในอนาคตอยากเป็นช่างเครื่องยนต์ ทำงานที่ใจรัก
“ผมดีใจกับโครงการนี้ที่มี ได้ทั้งความรู้ ประสบการณ์ แถมยังมีเงินเดือนอีกด้วย ผมรีบมาสมัครเลยครับ เพราะผมอยากหาเงินใช้เอง อยากจะช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินของทางบ้าน
...สายงานทางด้านเครื่องยนต์ก็มีการเรียนรู้มาแล้วทั้งภาคทฤษฎีทั้งภาคปฏิบัติการไปฝึกงานที่สถานประกอบการเมื่อเทอมที่แล้ว แล้วยังได้ผ่านทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานระดับชาติด้วย และถ้าได้ไปในโครงการนี้ก็จะเป็นการเพิ่มทักษะฝีมือมากยิ่งขึ้น เหมือนการไปทำงานจริง ๆ ผมว่าดีนะครับ”
นับเป็นหนึ่งโครงการที่น่าสนับสนุน เพื่อสร้างเสริมพัฒนาเยาวชนคนรุ่นใหม่สู่ความเป็นมืออาชีพ ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงานได้ตรงเป้าหมายอย่างแท้จริง หากใครสนใจเข้าร่วมโครงการดังกล่าว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โรงเรียนเทคโนโลยีสยาม โทร. 02 864 0358 — 67
เผยแพร่ข่าวในนาม : โรงเรียนเทคโนโลยีสยาม โทร. 0 2864 0358-67 / www.siamtech.th.edu