กรุงเทพฯ--9 มี.ค.--กทม.
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา(7 มี.ค.48) เวลา 13.00 น. นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยกรด้านพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรม ครั้งที่ 1 / 2548 โดยมี นายสุกิจ ก้องธรนินทร์ เลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.สุขพัฒน์ ทองเพ็ง ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะประธานคณะกรรมการฯ และคณะกรรมการฯ ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมสำนักปลัดกรุงเทพมหานคร ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
ในการนี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้มอบนโยบายด้านพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรม พร้อมแนวทางการดำเนินงาน โดยให้การดำเนินงานด้านการศึกษาของกทม.ใช้หลักพระพุทธศาสนาเป็นหลัก เนื่องจากมีโรงเรียนสังกัดกทม.จำนวนมากที่ตั้งอยู่ติดกับวัด และมีโอกาสที่จะใช้หลักธรรมในการกล่อมเกลาจิตใจ โดยเป้าหมายหลักไม่ใช่เฉพาะเยาวชนกทม.เท่านั้น แต่ยังมุ่งไปถึงประชาชนทุกคนในกทม.ด้วย เนื่องจากปัจจุบันคนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการทำมาหากินมากและเวลามีน้อยลง ทำให้ห่างไกลจากการปฏิบัติตนในฐานะพุทธศาสนิกชนที่ดี และการนำหลักธรรมมายึดเหนี่ยวใจก็ขาดหายไปด้วย ทั้งนี้ในเบื้องต้นให้พิจารณาดำเนินการตาม 4 โครงการหลักเพื่อให้เป็นประโยชน์กับประชาชนในกทม. คือ โครงการเยาวชนนำผู้ใหญ่ใฝ่ศีลธรรม โครงการสนับสนุนให้ศาสนสถานเป็นศูนย์บริการจัดกิจกรรมของชุมชนเพื่อให้เกิดความใกล้ชิดกันระหว่างบ้าน วัด โรงเรียน โครงการอบรม พระภิกษุ สามเณร และแม่ชี เป็นนักธรรมวิทยากรสอนวิชาศีลธรรมในโรงเรียนสังกัด กทม. และโครงการคัดเลือกพระภิกษุ แม่ชี และครูผู้มีผลงานดีเด่นด้านพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมของกทม.สัมมนาศึกษาดูงานด้านพระพุทธศาสนา ณ ประเทศอินเดีย เนปาล
นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ให้ข้อสังเกตว่า เพื่อไม่ให้การทำงานมีข้อจำกัดจึงไม่ควรพิจารณาเพียงแค่กรอบงบประมาณของกทม.เท่านั้น แต่จะพิจารณาจากการมีส่วนร่วมของหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งความร่วมมือจากสื่อต่าง ๆ ประกอบด้วย ทั้งนี้ในการดำเนินงานควรมีกรอบชัดเจนที่พร้อมจะปฏิบัติได้ต่อเนื่องโดยพิจารณากำหนดเป็นแผนต่อเนื่องตลอดทั้งปีให้เชื่อมโยงกับวันสำคัญในพุทธศาสนาว่าในแต่ละเดือนมีวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาหรือไม่ และจะมีกิจกรรมอะไรบ้าง เพราะในปัจจุบันคนไทยมักให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมตะวันตกมากเกินไป ยกตัวอย่างเช่น เดือนกุมภาพันธ์เป็นเดือนที่มีวันสำคัญทางพุทธศาสนาคือวันมาฆบูชา และวันวาเลนไทน์ด้วย แต่คนไทยโดยเฉพาะในกลุ่มเด็กวัยรุ่นให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์มากกว่า วันมาฆบูชา ทั้งนี้ในส่วนของการรณรงค์อาจพิจารณาใช้ดาราวัยรุ่นเป็นตัวแทนผ่านสื่อแขนงต่างๆ เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น--จบ--