น้องๆ ที่ร่วมประกวดในครั้งนี้ต่างได้แสดงความคิดเห็นไว้อย่างน่าฟัง เริ่มที่ 3 หนุ่มทีม “Trio” จากโรงเรียนบูรณะรำลึก จ.ตรัง นำโดย น้องนัท-ด.ช. อิฏฐา บัวแก้ว, น้องโจ้-ด.ช.สาริศ ขจรศรีพิทักษ์ และน้องโอ๊ต-ด.ช.ณัฐนนท์ ศรีสะระ กับโครงการ “สร้างเครือข่ายอนุรักษ์ชนเผ่าซาไกตามแนวเทือกเขาบรรทัด” กล่าวว่า “พวกเราทำโครงการสร้างเครือข่ายอนุรักษ์ชนเผ่า"ซาไกตามแนวเทือกเขาบรรทัด" มาสักพักแล้ว แต่ยังขาดเวทีในการนำเสนอ พอดีอาจารย์แนะนำ จึงส่งเข้าร่วมประกวด ผลที่ได้จากการอนุรักษ์ชนเผ่าซาไก คือ เราก็จะได้อนุรักษ์ป่าไปด้วยเช่นกันครับ เพราะชนเผ่าซาไกดำเนินชีวิตแบบเรียบง่ายอยู่ในป่า ป่า เป็นทั้งบ้านและอู่ข้าวอู่น้ำ ถ้าเราอนุรักษ์พวกเขาให้เขาและเราอยู่ร่วมกันด้วยดี ไม่เพียงเป็นแหล่งท่องเที่ยว หลักการดำเนินชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง ที่สำคัญเรายังได้ป่าที่อุดมสมบูรณ์อีกด้วยครับ ดีใจมากๆ ที่ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการแฟนต้ายุวทูต เพราะว่าเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าในชีวิต ที่ภายในโรงเรียนไม่มีให้ศึกษา สนุกและมีความสุขมากครับ”
ส่วนน้องๆ ทีม “ลูกนางฟ้า กัลยาณีฯ” จากโรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช จ. นครศรีธรรมราช นำโดย น้องนุ๊ก-ด.ญ.วรินดา ตันติโภคิน, น้องโฟร์-ด.ช.สิงหนาท บุญขวัญ และน้องมายด์-ด.ญ.อินทุพร ปิยะไทยเสรี กับ “โครงการน้ำข้าวกล้องไทยท่องไปทั่วโลก” ที่ได้มาปลอดปล่อยพลังสร้างสรรค์ในวันนี้ เผยความรู้สึกผ่านเสียงหัวเราะที่เพลินเพลินว่า “ทราบข่าวการรับสมัครมาจากโปสเตอร์ เห็นว่ามีความน่าสนใจและท้าทายความสามารถของเรา จึงชักชวนเพื่อนๆ มาคิดโครงการส่งเข้าร่วมประกวด จึงเกิดเป็นโครงการน้ำข้าวกล้องไทยท่องไปทั่วโลก เนื่องจากน้ำข้าวกล้องมีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยซ่อมแซมระบบประสาท ทำให้มีความจำที่ดีขึ้นและยังส่งผลให้ร่างกายแข็งแรง อีกทั้งยังสามารถทำขายให้เกิดรายได้ได้ โดยทางเราได้คิดสูตรน้ำข้าวกล้องเพื่อให้ดื่มง่าย และเป็นที่แพร่หลาย เพื่อให้คนหันมาดื่มน้ำข้าวกล้องมากขึ้น สำหรับกิจกรรมวันนี้ สนุกมาก ทำให้พวกเรามีโอกาสได้พบเพื่อนใหม่ ได้เรียนรู้ถึงการทำงานเป็นทีม และการยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีๆ จริงๆ”
ขณะที่ ทีม “เยาวชนอิวาเต๊ะ” จากโรงเรียนทุ่งตะโกวิทยา จ.ชุมพร นำโดย น้องเป็ก-ด.ช.รัฐธรรมนูญ ประเสริฐกุล, น้องส้ม-ด.ญ.ช่อทิพย์ รักเจริญกิจ และน้องโม-ด.ญ.จารุวรรณ หอมลำดวน กับ “โครงการเผาถ่านโดยใช้เตาอิวาเต๊ะ” เล่าความรู้สึกภายหลังจากร่วมกิจกรรมในรอบแรกว่า “อยากหาประสบการณ์นอกเหนือจากกิจกรรมในโรงเรียน พวกเราจึงร่วมตัวในชื่อทีมเยาวชนอิวาเต๊ะเพื่อทำโครงการประกวด โดยที่สนใจเลือกประเด็นนี้เพราะว่าเตาอิวาเต๊ะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม จุดเด่นอยู่ที่ทำง่าย และสามารถป้องกันและควบคุมกระบวนการคาร์บอนไนเซชั่นได้ดี โดยจะนำไม้มาเผาถ่านในเตาอิวาเต๊ะ ซึ่งเป็นการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ ผลผลิตที่ได้ คือ ถ่านที่มีคุณภาพสูง และไม่เป็นขี้เถ้าเมื่อเวลานำมาใช้งาน นอกจากนั้น ยังจะได้น้ำส้มควันไม้ ที่สามารถนำมาฉีดไล่แมลงในสวนผัก ทดแทนการใช้สารเคมีได้ด้วย สำหรับวันนี้ภูมิใจมากที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการฯ ขอบคุณที่เปิดโอกาสให้เด็กๆ อย่างพวกเราได้มีจุดยืนและนำเสนอแนวคิด ทำให้พวกเราได้มีเวทีในการแสดงความสามารถและแสดงความคิดเห็น”
ปิดท้ายที่ ทีม “ลูกแม่แตงอ่อน” จากโรงเรียนเทศบาล 1 (แตงอ่อนเผดิมวิทยา) นำโดย น้องกิ๊ก-ด.ญ.สุชาลิณี ปูคะวนัช, น้องพลอย-ด.ญ.วิสสุตา นวลวัฒน์ และน้องฟาง-ด.ญ.ธิดารัตน์ กลัดแก้ว กับโครงการ “พิชิตโรคร้ายสายพันธุ์ใหม่ เพื่อเรา เพื่อโลก” เผยความรู้สึกด้วยแววตามุ่งมั่นบนใบหน้าสดใสสมวัยว่า “พลอย ทราบข่าวการรับสมัครจากอินเทอร์เน็ตว่ามีการประกวดโครงการแฟนต้ายุวทูต จึงชวนกิ๊กกับมายด์ และเชิญอาจารย์นฤมล แหวนเพ็ชร มาเป็นที่ปรึกษา พวกเราเลือกทำโครงการกับสิ่งใกล้ตัว เนื่องจากว่าในยุคปัจจุบันมีเชื้อโรคใหม่เกิดขึ้นทุกวัน โครงการพิชิตโรคร้ายสายพันธุ์ใหม่ เพื่อเรา เพื่อโลก จึงมีเป้าหมายเพื่อให้ความรู้ในการป้องกันตัวเอง ผ่านการเรียนรู้และสร้างเครื่องมืออุปกรณ์อย่างง่ายและใกล้ตัวขึ้นป้องกันตัวเองให้รอดพ้นจากเชื้อโรคต่างๆ เช่น เจลล้างมือแบบทำเอง หน้ากากอนามัย เป็นต้น โดยจะขยายผลไปสู่เพื่อนๆ ในโรงเรียนและชุมชนค่ะ และจากการร่วมกิจกรรมในรอบแรกนี้ พวกเรารู้จักคิดแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ทำงานเป็นทีม และได้เพื่อนจากต่างโรงเรียนเพิ่มเยอะเลยค่ะ”
สำหรับ อมรเศรษฐ์ สุวรรณมาศ นายอำเภอหาดใหญ่ ที่ได้มีโอกาสร่วมชมการประกวดโครงการแฟนต้ายุวทูต รอบแรก ประจำภาคใต้นั้น เผยว่า “ดีใจครับ ที่ได้มีโอกาสเห็นลูกหลานปักษ์ใต้มีเวทีดีๆ ที่เห็นคุณค่าของเขา เปิดโอกาสให้เขาได้แสดงศักยภาพและพลังความคิดสร้างสรรค์ของตนเอง ส่วนตัวเชื่อว่าเด็กไทยโดยเฉพาะวัยรุ่นตอนต้นนั้นต้องการความรัก ความใจใส่อย่างมาก และแสวงหาตนเอง ต้องการคนเป็นผู้นำ ดังนั้น ผู้ใหญ่อย่างเราๆ ควรเป็นตัวอย่างที่ดีแก่เด็ก เพื่อให้เด็กเติบโตท่ามกลางเบ้าหลอมสังคมที่ดี ในวันข้างหน้าจะได้เป็นผู้ใหญ่และพลเมืองที่มีคุณภาพของประเทศไทยต่อไป”
หลังเสร็จสิ้นการประกวดแฟนต้ายุวทูตแห่งประเทศไทยในรอบแรก จะทำการคัดเลือกทีมที่เข้าประกวดให้เหลือเพียงภาคละ 20 ทีมในแต่ละภาค เพื่อเข้าสู่รอบสองซึ่งเป็นการเข้าค่ายเรียนรู้ 3 วัน 2 คืน ช่วงเดือนมีนาคม — พฤษภาคม 2553 และรอบชิงชนะเลิศ ระหว่างเดือนมิถุนายน — ต้นกรกฎาคมศกนี้ โดยผู้ครองตำแหน่งแฟนต้ายุวทูตแห่งประเทศไทยของแต่ละภาค จะได้ถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, ทุนการศึกษา พร้อมเดินทางไปทัศนศึกษา และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม พร้อมร่วมงานเวิลด์ เอ็กซ์โป 2010 ที่นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน
สอบถามเพิ่มเติมโทร. 0-2984-2745 และ 0-2984-2742 หรือ www.fyathai.com
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
คุณสุรีพันธ์ ปัทมาคม คุณสุจินดา, คุณแสงนภา, คุณปิติยา
ผู้จัดการแผนกประชาสัมพันธ์ ประชาสัมพันธ์
บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด
โทร 02 434 8300, 02 434 8547