สำหรับในประเทศไทย อีเอ็มซีครองอันดับ 2 ในช่วงปีงบประมาณ 2552 สำหรับตลาดสตอเรจแบบติดตั้งภายนอก โดยครองส่วนแบ่งตลาด 17.06%
นอกจากนี้ อีเอ็มซียังเป็นผู้นำตลาดซอฟต์แวร์สตอเรจทั่วโลกในแง่ของรายได้โดยรวมเป็นปีที่ 8 ติดต่อกันในช่วงปี 2552 ตามรายงานยอดขายซอฟต์แวร์สตอเรจทั่วโลกรายไตรมาสของไอดีซี (IDC Worldwide Quarterly Storage Software Tracker) ประจำเดือนมีนาคม 2553
นายนฐกร พจนสัจ ผู้จัดการประจำประเทศไทยของอีเอ็มซี กล่าวว่า “การพัฒนาไปสู่ดาต้าเซ็นเตอร์แบบเวอร์ช่วลไลซ์และระบบคลาวด์คอมพิวติ้งแบบส่วนตัวเป็นปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานสำหรับการออกแบบและใช้งานระบบไอที แนวโน้มที่ไม่อาจปฏิเสธได้นี้อาจก่อให้เกิดปัญหาสำหรับบางองค์กร แต่ขณะเดียวกันก็สร้างโอกาสใหม่ๆ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับองค์กรที่ลงทุนอย่างชาญฉลาด ความสามารถของอีเอ็มซีในการขยายส่วนแบ่งตลาดและทิ้งห่างคู่แข่งมากขึ้นในช่วงรอยต่อสำคัญของอุตสาหกรรมไอทีนับเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าลูกค้าให้การยอมรับในความแข็งแกร่งของแพลตฟอร์มการจัดเก็บข้อมูลของเรา รวมถึงบทบาทที่สำคัญของเราในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแบบเวอร์ช่วลไลซ์สำหรับอนาคต”
นอกเหนือจากตำแหน่งผู้นำในแง่ของรายได้และยอดขายในตลาดระบบดิสก์สตอเรจทั่วโลกสำหรับปี 2552 แล้ว อีเอ็มซียังครองตำแหน่งผู้นำระดับโลกในตลาด RAID แบบติดตั้งภายนอก, สตอเรจบนเครือข่ายแบบเปิด (NAS และ Open/iSCSI SAN), เครือข่ายสตอเรจแบบเปิด (SAN) และสตอเรจแบบเชื่อมต่อเครือข่าย (NAS) อีกด้วย สำหรับในตลาด NAS นั้น อีเอ็มซีขยายความเป็นผู้นำได้อย่างมากในช่วงปี 2552 ด้วยการขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็วและแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่ง
นายนฐกรแสดงทัศนะเกี่ยวกับความเป็นผู้นำของอีเอ็มซีในตลาดซอฟต์แวร์สตอเรจ โดยระบุว่า “มีโอกาสมากมายสำหรับลูกค้าในการปรับปรุงประสิทธิภาพในการจัดการและปกป้องข้อมูลจำนวนมหาศาลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ลูกค้ากำลังพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์จากรูปแบบทางกายภาพไปสู่รูปแบบผสมผสาน โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเวอร์ช่วลไลเซชั่นและนโยบายแบบอัตโนมัติ ซึ่งครอบคลุมสถานที่ตั้งที่กระจัดกระจายอยู่ตามภูมิภาคต่างๆ การย้ายข้อมูลโดยอัตโนมัติบนระดับชั้นต่างๆ ของสตอเรจ รวมถึงเทคโนโลยีที่เหนือชั้นสำหรับการขจัดข้อมูลซ้ำซ้อนและการสืบค้นข้อมูล ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ ในช่วงปี 2552 เราได้พัฒนาและเพิ่มเติมขีดความสามารถให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์สตอเรจอย่างกว้างขวางจนส่งผลให้เราสามารถขยายความเป็นผู้นำได้อย่างโดดเด่นและพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในแวดวงอุตสาหกรรมไอที”
นอกเหนือจากการเป็นผู้นำตลาดซอฟต์แวร์สตอเรจโดยรวมตลอดปี 2552 แล้ว อีเอ็มซียังเป็นผู้นำทางด้านซอฟต์แวร์สตอเรจ 3 ประเภท นั่นคือ การรีพลิเคตสตอเรจ การจัดการอุปกรณ์สตอเรจ และการจัดการสตอเรจ ตำแหน่งผู้นำของอีเอ็มซีในด้านซอฟต์แวร์สตอเรจนับว่ามีบทบาทสำคัญในการรองรับธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศมูลค่า 12,000 ล้านดอลลาร์ของบริษัทฯ ในช่วงปี 2552