“จุดเด่นประการแรกของ 3ds Max 2011 ของเราที่อาร์ติสท์ทั้งหลายจะได้รับ คือ ประสิทธิภาพการทำงานขั้นสูงเพื่อช่วยให้การสร้างสรรค์ผลงานในทุกๆ วันของคุณมีแต่ความคล่องตัว และลื่นไหล” สติก กรูแมน (Stig Gruman) รองประธานอาวุโส ฝ่ายมีเดียและเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ออโตเดสก์ กล่าว “เราได้มีการสร้างส่วนหลักของซอฟท์แวร์ใหม่อีกครั้ง รวมถึงโนด-เบส แมทเทอร์เรียล อิดิเตอร์ ที่มีคนเรียกร้องมามากที่สุด ให้มีความคล่องตัวในการทำงานเพิ่มมากขึ้น และเพิ่มฟีเจอร์เพิ่มเติมเข้ามามากมาย เช่น เครื่องมือเพนท์ (painting tools) และควิกซิลเวอร์ ฮาร์ดแวร์เรนเดอร์เรอร์ (Quicksilver hardware renderer) เพื่อช่วยขจัดอุปสรรคด้านเวลาในการทำงานโดยไม่ต้องมีอะไรมาขวางกั้นกระบวนการคิดสร้างสรรค์และการออกแบบชิ้นงานที่มีคุณภาพ”
คุณสมบัติเด่นใน Autodesk 3ds Max 2011
ฟีเจอร์ใหม่ และฟีเจอร์ที่ได้รับการพัฒนา
สเลท (Slate) : โนด — เบสแมทเทอร์เรียล อีดิทเตอร์ แบบใหม่ที่สามารถช่วยให้การทำงานของอาร์ทติสสะดวกสบายมากขึ้น รวมถึงสามารถแก้ไขส่วนประกอบในแมทเทอร์เรียลต่างๆ ที่สัมพันธ์กันได้อย่างง่ายดาย
ควิกซิลเวอร์ ฮาร์ดแวร์ เรนเดอร์เรอร์ : มัลติทรีทเรนเดอร์ริ่งเอ็นจิ้นตัวใหม่ที่ใช้ได้กับทั้งซีพียู (CPU) และจีพียู (GPU) สามารถทำการเรนเดอร์ได้เร็วกว่าการเรนเดอร์ที่ใช้กราฟฟิกการ์ดแบบเดิมถึง 10 เท่า
สามารถดูไฟล์ 3ds Max หรือแมทเทอร์เรียลหลายๆ ชิ้นงานได้พร้อมกันในหน้าวิวพอร์ทเดียวกัน เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถพัฒนาแก้ไขปรับปรุงชิ้นงานให้ภาพและบรรยากาศภายในฉากมีความคมชัดโดยไม่ต้องทำการเรนเดอร์ซ้ำๆ
สามารถขยายกราไฟท์ โมเดลลิ่ง (Graphite modeling) และอุปกรณ์ต่างๆ ในหน้าวิวพอร์ท เพื่อการเพนท์พื้นผิวสำหรับงาน 3D และ 2D ได้โดยตรงในหน้าวิวพอร์ทนั้นๆ พร้อมด้วยความสามารถในการเพนท์วัตถุด้วยเครื่องมือออบเจค บรัช (object brushes) เพื่อช่วยในการสร้างจีโอเมตทรีภายในฉาก
ความสามารถในการคงไว้ซึ่งเลเยอร์ข้อมูลต่างๆ บนชั้นบนสุดของเนื้อหาที่นำมาอ้างอิง เพื่อช่วยให้อาร์ทติสสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3ds Max คอมโพซิท (3ds Max Composite) ฟีเจอร์เต็มรูปแบบ รวมถึงเอชดีอาร์ (HDR) ที่มีประสิทธิภาพในการจัดวางองค์ประกอบ โดยอยู่บนพื้นฐานของเทคโนโลยีจากออโต้เดสก์ โทซิก ซอฟท์แวร์ (Autodesk Toxik)
ความคิดเห็นที่มีต่อผลิตภัณฑ์ของผู้ที่เคยทดลองใช้
“อุปกรณ์เพนท์ และหน้าต่างวิวพอร์ทที่เพิ่มเติมเข้ามาใหม่นั้น เปรียบเสมือนขุมทองของเหล่านักพัฒนาเกมส์” เจมส์ เฮย์วู้ด (James Haywood) ฝ่ายเทคนิคอาร์ทติสอาวุโสแห่งบริษัทบันจี้ กล่าว “ฟีเจอร์ที่ถูกเพิ่มมาใหม่ 2 ตัวนี้ช่วยประหยัดเวลาในการสร้างสรรค์เกมส์อันทรงคุณค่าของพวกเราได้อย่างมหาศาล และเราสามารถกลับไปเซฟให้เป็นเวอร์ชั่น 2010 ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งหมายความว่าในระหว่างกระบวนการสร้างสรรค์ เราสามารถย้อนกลับไปทำงานในเวอร์ชั่น 2011 ได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องทำการอัพเกรดโปรแกรมให้วุ่นวาย”
“โปรดักส์ใหม่นี้อัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์คุณภาพเยี่ยม และทูลต่างๆ ที่มีความละเอียดประณีต” มาติน โคเว็น (Martin Coven) ผู้ก่อตั้ง Launch Studio กล่าว “ตึกที่มีแมทเทอร์เรียลที่ซับซ้อนก็กลายเป็นเรื่องง่ายเมื่อใช้สเลท (Slate) เข้ามาช่วยในการทำงาน กระบวนการทำงานได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นด้วยกราไฟท์ (Graphite tools) และ 3ds Max Composite ที่ช่วยให้ความสำเร็จเป็นเรื่องที่ไม่ไกลเกินเอื้อม”
ราคาและการจัดจำหน่าย
ทางออโต้เดสก์คาดว่าซอฟท์แวร์ 3ds Max 2011 ในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษจะพร้อมออกมาวางจำหน่ายได้ในเดือนเมษายน 2553 ซึ่งการเปิดตัวคาดว่าจะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2553 นี้ ซึ่งราคา 1 ไลเซ่นส์อยู่ที่ US$3,495* หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 115,335 บาท หรือหากต้องการจะอัพเกรดโปรแกรมเดิมให้เป็นเวอร์ชั่น 2011 ในรูปแบบ 1 ไลเซ่นส์ราคาอยู่ที่ US$1,745* หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 57,585* บาท แต่หากเป็นสมาชิกของออโต้เดสก์สามารถซื้อไลเซ่นส์หรืออัพเกรดโปรแกรมได้ในราคาเพียง $495* ต่อปี หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 16,335 บาท โปรแกรมออโต้เดสก์ 3ds Max 2011 เป็นส่วนหนึ่งของชุดโปรแกรมออโต้เดสก์ 3ds Max Entertainment Creation Suite 2011 ชุดโปรแกรมนี้มีลูกเล่นพิเศษที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้โปรแกรม 3ds Max 2011 ควบคู่กับการใช้โปรแกรม Autodesk Mudbox 2011 และ Autodesk MotionBuilder 2011 อาร์ทติส และผู้ผลิตสามารถแอคเซสเข้าสู่ระบบเครื่องมือที่เปี่ยมไปด้วยความสร้างสรรค์อันทรงพลังที่สามารถช่วยประหยัดต้นทุนได้มากกว่า 35%** เมื่อเทียบกับการซื้อแต่ละโปรแกรมแยกกัน
*ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
** สัดส่วนในการลดต้นทุนอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 026905681-4 PITON communications